สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนก.ย.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ ขยับขึ้นเพียง 4 เซนต์ แตะที่ 76.60 ดอลลาร์/บาร์เรล จากระดับปิดที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ที่ 76.56 ดอลลาร์/บาร์เรล ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากตลาดตกอยู่ภายใต้แรงกดดันหลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้น และหลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญกับ "ความไม่แน่นอนที่ไม่ปกติ"
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพลังงานสหรัฐ เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 16 ก.ค.เพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล แตะระดับ 353.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะร่วงลง 1.4 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 3.9 ล้านบาร์เรล แตะที่ 166.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 1.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 222.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 1% แตะระดับ 91.5%
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังถูกกดดัน หลังจากเบอร์นันเก้แถลงมุมมองเศรษฐกิจต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญกับความไม่นอนอย่างไม่ปกติ ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานและตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงตกต่ำ และสถานการณ์ดังกล่าวกำลังส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับภาวะที่เปราะบางมาก