สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นเหนือระดับ 79 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (22 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนทุ่มซื้อสัญญาน้ำมันดิบเพื่อเก็งกำไร หลังจากศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐ (NHC) ระบุว่า พายุดีเปรสชั่นอย่างน้อย 3 ลูกได้ก่อตัวขึ้นและคาดว่าจะเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวเม็กซิโกภายในช่วงสุดสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างแคทเทอร์พิลลาร์ รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 2.74 ดอลลาร์ หรือ 3.6% แตะระดับ 79.30 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค.ปีนี้ โดยในระหว่างวัน สัญญาได้เคลื่อนตัวในช่วง 76.16 - 79.42 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 7.32 เซนต์ ปิดที่ 2.0624 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 7.88 เซนต์ ปิดที่ 2.1466 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 2.45 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบเพื่อเก็งกำไรกันอย่างหนาแน่น ซึ่งหนุนสัญญาน้ำมันดิบปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 สัปดาห์ หลังจากศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐระบุว่า มีดีเปรสชั่นอย่างน้อย 3 ลูกก่อตัวขึ้นใกล้หมู่เกาะบาฮามาส์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และคาดว่าจะทวีความรุนแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน ก่อนที่จะพัดขึ้นฝั่งใกล้พรมแดนระหว่างรัฐหลุยเซียนาและรัฐเท็กซัสในช่วงสุดสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติกล่าวว่า อิทธิพลของพายุดีเปรสชั่นทำให้เกิดน้ำท่วมหนักในเปอร์โตริโก สาธารณะรัฐโดมินิแกน และเฮติ
ทั้งนี้ ทางการสหรัฐได้ออกแถลงการณ์ให้เรือเก็บกู้คราบน้ำมันของบริษัทบีพีเดินทางกลับเข้ามายังท่าเรือ ขณะที่บริษัท เชลล์ ออยล์ ได้เริ่มอพยพคนงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับไลน์การผลิตออกจากแท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกแล้ว นอกจากนี้มีรายงานว่า บริษัทพลังงานรายอื่นๆกำลังพิจารณาอพยพคนงานออกจากพื้นที่ดังกล่าวด้วยเช่นกัน
สำนักงานสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐ (NOAA) คาดว่า ฤดูพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกปีนี้จะมีพายุราว 14-23 ลูกมีแนวโน้มทวีความรุนแรงจนกลายเป็นเฮอริเคน และคาดว่าจะมีพายุเฮอริเคนก่อตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งเป็นปีที่พายุเฮอริเคนแคทรินา และริต้า กระหน่ำชายฝั่งสหรัฐจนส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการผลิตน้ำมัน
ขณะที่นักอุตุนิยมวิทยาคาดว่า ฤดูพายุเฮอริเคนปีนี้ ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนไปจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน อาจจะส่งผลกระทบต่อความพยายามของบีพีในการกำจัดคราบน้ำมันที่รั่วไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโก โดย AccuWeather Inc คาดว่า จะมีพายุที่เคลื่อนตัวอยู่ในอ่าวเม็กซิโกอย่างน้อย 3 ลูกที่ส่งผลกระทบต่อปฏิบัติการขจัดคราบน้ำมันของบีพี
กระทรวงพลังงานสหรัฐระบุว่า ภูมิภาคกัลฟ์โคสต์เป็นแห่งผลิตน้ำมันที่มีสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณการผลิตน้ำมันในสหรัฐ โดยในช่วงเดือนส.ค. - ก.ย.ปี 2551 โรงกลั่นน้ำมันในกัลฟ์โคสต์ต้องสูญเสียมูลค่าการผลิตน้ำมันต่อวันประมาณ 20% เพราะถูกกระทบอย่างหนักจากพายุเฮอริเคนไอค์และกุสตาฟ
นอกเหนือจากปัจจัยข้างต้นแล้ว ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากแคทเทอร์พิลลาร์รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งและคาดการณ์ว่ายอดขายและปริมาณการผลิตเครื่องจักรที่ใช้อุตสาหกรรมก่อสร้างจะพุ่งขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้