สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นเกินคาด ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลจากตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 59 เซนต์ ปิดที่ 78.95 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในกรอบ 79.05 - 77.94 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.92 เซนต์ ปิดที่ 2.1066 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 2.14 เซนต์ ปิดที่ 2.1224 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ ปิดที่ 78.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้แรงหนุนหลังจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน/รอยเตอร์ที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 67.8 จุด ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการประเมินก่อนหน้านี้ที่ระดับ 66.5 จุด และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 67 จุด
ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของภาคการผลิตในเขตมิดเวสต์ พุ่งขึ้นแตะระดับ 62.3 จุดในเดือนก.ค. จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 59.1 จุด ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 56.5 จุด
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายซื้อสินค้าที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 3 ปี เพิ่มขึ้น 7.5% และตัวเลขการลงทุนเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยในภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 27.9%
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐที่ขยายตัวเกินคาดช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลจากรายงานที่ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ของสหรัฐ ขยายตัวเพียง 2.4% ต่อปี ซึ่งชะลอตัวลงเมื่อทียบกับจีดีพีไตรมาสแรกที่ผ่านการทบครั้งใหม่ว่าขยายตัว 3.7% และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวในอัตรา 2.5% ต่อปี
นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลว่า การชะลอตัวลงเศรษฐกิจสหรัฐอาจส่งผลให้ดีมานด์พลังงานหดตัวลงด้วย โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากหลักฐานล่าสุดที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 23 ก.ค. พุ่งขึ้น 7.3 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 360.8 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล