ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดพุ่ง $2.39 หลังภาคการผลิตสหรัฐ-จีนขยายตัว

ข่าวต่างประเทศ Tuesday August 3, 2010 06:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 81 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (2 ส.ค.) หลังจากสหรัฐและจีนเปิดเผยว่าภาคการผลิตยังคงมีการขยายตัว ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวจะช่วยหนุนดีมานด์พลังงานดีดตัวขึ้นด้วย

สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 2.39 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 81.34 ดอลลาร์/บาร์เรล

ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 6.57 เซนต์ ปิดที่ 2.1538 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 4.61 เซนต์ ปิดที่ 2.1685 ดอลลาร์/แกลลอน

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 2.64 ดอลลาร์ ปิดที่ 80.82 ดอลลาร์/บาร์เรล

นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบอย่างคึกคัก ขานรับรายงานภาคการผลิตที่ยังคงขยายตัวในสหรัฐ จีน และยุโรป โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค.ของสหรัฐ ขยายตัวที่ระดับ 55.5 จุด ซึ่งแม้ว่าน้อยลงเมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 56.2 จุด และทำสถิติขยายตัวน้อยลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 แต่ยังมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้

ขณะที่สมาพันธ์โลจิสติกและการจัดซื้อแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนอยู่ที่ระดับ 51.2 จุด ในเดือนก.ค. ซึ่งแม้ว่าลดลง 0.9% เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.แต่ดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนยังคงมีการขยายตัว และนับเป็นเดือนที่ 17 ติดต่อกันที่ดัชนีเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 50 จุด

นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า ภาคการผลิตของ 16 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 56.7 จุดในเดือนก.ค. จากเดิมที่ประมาณการไว้ว่าขยายตัวเพียง 56.5 จุด ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของยุโรปยังคงขยายตัวแข็งแกร่ง

ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันคึกคักขึ้นเมื่อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ซึ่งทำให้สัญญาน้ำมันดิบน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูความเคลื่อนไหวของฤดูพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติก หลังจากสำนักงานสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐ (NOAA) คาดว่า ฤดูพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกปีนี้จะมีพายุราว 14-23 ลูกมีแนวโน้มทวีความรุนแรงจนกลายเป็นเฮอริเคน และคาดว่าจะมีพายุเฮอริเคนก่อตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งเป็นปีที่พายุเฮอริเคนแคทรินา และริต้า กระหน่ำชายฝั่งสหรัฐจนส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการผลิตน้ำมัน

ส่วนความคืบหน้าในการกำจัดคราบน้ำมันของบริษัท บีพี พีแอลซี นั้น ล่าสุดมีรายงานว่าบีพีวางแผนที่จะอัดโคลนลงในบ่อมาคอนโดในอ่าวเม็กซิโกสัปดาห์นี้ และจะเริ่มอุดรอยรั่วที่บ่อน้ำมันเป็นการถาวร ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวคือการอัดโคลนเข้าไปในบ่อที่มีแรงดันสูงแล้ว จากนั้นก็จะใช้ปูนซีเมนต์โบกปิดบ่อจากด้านบน ซึ่งเทคนิคดังกล่าวจะช่วยให้การอุดรอยรั่วแบบถาวรมีความปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้ จะมีการใช้คานเหล็กปิดกั้นตรงจุดรั่ว ซึ่งคานอยู่ต่ำกว่าพื้นผิวทะเลประมาณ 13,000 ฟุต หรือ 4,000 เมตร

ทั้งนี้ บีพีวางแผนที่จะอุดรอยรั่วที่บ่อมาคอนโดให้แล้วเสร็จภายในกลางเดือนนี้ ก่อนที่พายุดีเปรสชัน บอนนี จะเคลื่อนตัวเข้าใกล้บ่อ หลังจากอิทธิพลของพายุลูกดังกล่าวได้ส่งผลให้มีการอพยพคนงานออกจากแท่นขุดเจาะเมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ