สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากรายงานสต็อกน้ำมันเบนซินที่พุ่งขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและดีมานด์พลังงานในสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 46 เซนต์ ปิดที่ 82.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนก.ย.ลดลง 1.54 เซนต์ ปิดที่ 2.1868 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.ย.ขยับลง 1.06 เซนต์ ปิดที่ 2.1644 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 59 เซนต์ ปิดที่ 81.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว พุ่งขึ้น 19,000 ราย สู่ระดับ 479,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีนี้ และบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังอ่อนแอ ในขณะที่บริษัทหลายแห่งยังคงลดการจ้างงาน
ตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ที่พุ่งขึ้นทำให้นักลงทุนจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนก.ค. ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนก.ค.จะลดลง 65,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ค.จะอยู่ที่ 9.6% เพิ่มขึ้นจากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 9.5%
นักลงทุนกังวลว่าอัตราว่างงานที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและดีมานด์พลังงานในสหรัฐ โดยหลักฐานล่าสุดที่บ่งชี้ถึงภาวะอ่อนแอของดีมานด์พลังงานคือตัวเลขสต็อกน้ำมันเบนซินในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ค.เพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล สู่ระดับ 223 บาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 870,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นที่รวมถึงเชื้อเพลิงดีเซลและฮีทติ้งออยล์ เพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 169.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.16 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะหฺคาดว่าสัญญาน้ำมันดิบยังคงมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นเนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนตัวลง
สำนักงานสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐ (NOAA) ได้ออกรายงานทบทวนการคาดการณ์ว่า ฤดูพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกปีนี้จะมีพายุราว 20 ลูกมีแนวโน้มทวีความรุนแรงจนกลายเป็นเฮอริเคน ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะมี 23 ลูก และคาดว่าจะมีพายุเฮอริเคน 6 ลูกที่มีกำลังลมสูงสุดถึง 111 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 178 กิโลเมตรต่อชั่วโมง