ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดร่วง $1.23 หลังจีนเผยยอดนำเข้าขยายตัวน้อยลง

ข่าวต่างประเทศ Wednesday August 11, 2010 06:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงเมื่อคืนนี้ (10 ส.ค.) เพราะถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น และจากข้อมูลที่ระบุว่า ยอดนำเข้าของจีนในเดือนก.ค.ขยายตัวน้อยลง รวมถึงยอดการนำเข้าน้ำมันดิบ นอกจากนี้ นักลงทุนยังไม่มั่นใจว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลนั้น จะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวได้ดีเหมือนแต่ก่อน

สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.23 ดอลลาร์ ปิดที่ 80.25 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากดิ่งลงไปแตะระดับต่ำสุดในระหว่างวันที่ 79.20 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนก.ย.ลดลง 2.84 เซนต์ ปิดที่ 2.1254 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนก.ย.ลดลง 3.34 เซนต์ ปิดที่ 2.0853 ดอลลาร์/แกลลอน

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.39 ดอลลาร์ ปิดที่ 79.60 ดอลลาร์/บาร์เรล

ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กซบเซาลงหลังจาก สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนรายงานว่ายอดนำเข้าปรับตัวเพิ่มขึ้น 22.7% สู่ระดับ 1.168 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ที่ขยายตัวได้ถึง 53% เนื่องจากอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนและดีมานด์การนำเข้าวัตถุดิบชะลอตัวลง

ยอดการนำเข้าสินค้าของจีนชะลอตัวลง หลังจากเศรษฐกิจจีนขยายตัวเพียง 10% ในไตรมาส 2 ปีนี้ จากไตรมาสแรกที่ขยายตัวแข็งแกร่ง 11.9% ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลจีนประกาศใช้มาตรการควบคุมการปล่อยสินเชื่อและควบคุมการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสกัดกั้นภาวะฟองสบู่ที่เป็นผลมาจากการพุ่งขึ้นของราคาสินทรัพย์ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้ดีมานด์เหล็กและวัสดุก่อสร้างประเภทอื่นๆ หดตัวลงด้วย

ส่วนยอดส่งออกของจีนในเดือนก.ค.ขยายตัว 38.1% จากปีที่แล้ว สู่ระดับ 1.455 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ที่ขยายตัวเพียง 35% อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่า ดีมานด์สินค้าจีนจะหดตัวลงเนื่องจากวิกฤตการณ์หนี้สาธารณะของยุโรปจะส่งผลกระทบต่อตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคในยุโรป

นอกจากนี้ นักลงทุนไม่มั่นใจว่าการที่เฟดใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลนั้น จะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวได้ดีเหมือนแต่ก่อน โดยในการประชุมเมื่อวานนี้ คณะกรรมการเฟดยืนยันว่าจะนำรายได้จากตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) และตราสารที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันของแฟนนี เม และ เฟรดดี แมค ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยภายใต้การสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐ (GSE) ซึ่งครบกำหนดไถ่ถอนแล้วนั้น ไปซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาล

นักวิเคราะห์บางกลุ่มมองว่า มาตรการดังกล่าวอาจยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะหนุนเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวได้ดีเหมือนแต่ก่อน โดยนักวิเคราะห์คาดหวังไว้ก่อนหน้านี้ว่าเฟดจะเข้าซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้มูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่การเข้าซื้อพันธบัตรครั้งใหม่นี้อาจจะมีมูลค่าน้อยกว่า

นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจลดลง 0.4%

ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐกำลังจับตาดูพายุหลายลูกในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของอ่าวเม็กซิโกที่อาจทวีความรุนแรงจนกลายเป็นพายุดีเปรสชัน

ขณะที่สำนักงานสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐ (NOAA) ได้ออกรายงานปรับลดคาดการณ์พายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติก ว่า ฤดูพายุเฮอริเคนปีนี้จะมีพายุราว 20 ลูกมีแนวโน้มทวีความรุนแรงจนกลายเป็นเฮอริเคน ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะมี 23 ลูก และคาดว่าจะมีพายุเฮอริเคน 6 ลูกที่มีกำลังลมสูงสุดถึง 111 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 178 กิโลเมตรต่อชั่วโมง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ