สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กยังคงปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่ายอดขายบ้านมือสองที่ร่วงลงอย่างหนักของสหรัฐอาจเป็นป้จจัยสกัดกั้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และจะส่งผลให้ดีมานด์พลังงานหดตัวลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วจะปรับตัวลดลง
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 1.47 ดอลลาร์ ปิดที่ 71.63 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงไปแล้ว 13% ภายในระยะ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนต.ค.ลดลง 1.97 เซนต์ ปิดที่ 1.9357 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนต.ค.ลดลง 3.16 เซนต์ ปิดที่ 1.8494 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 1.24 ดอลลาร์ ปิดที่ 72.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมัน NYMEX เป็นไปอย่างซบเซาเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเรื่องทิศทางเศรษฐกิจและดีมานด์พลังงานในสหรัฐ โดยเมื่อวานนี้ สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค.ร่วงลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 27.2% จากเดือนมิ.ย. มาอยู่ที่ระดับ 3.83 ล้านยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2548 หรือในรอบ 15 ปี และร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 12% เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา และจากการที่นโยบายลดหย่อนภาษีของรัฐบาลหมดอายุลงตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย.ปีนี้
ข้อมูลดังกล่าวได้สร้างแรงกดดันต่อตลาด NYMEX หลังจากตลาดได้รับผลกระทบอยู่แล้วจากกระแสความวิตกกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจ หลังจากมาร์กิต อิโคโนมิคส์ รายงานว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของภาคบริการและภาคการผลิตในยุโรปประจำเดือนก.ค.ขยายตัวที่ระดับ 56.1 จุด ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนมิ.ย.ที่ขยายตัว 56.7 จุด
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียรายงานว่า ดัชนีกิจกรรมด้านการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติกหดตัวลงสู่ระดับ -7.7 จุดในเดือนส.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะดีดตัวขึ้นแตะระดับ +7.0 จุด และหดตัวลงหลังจากเคลื่อนไหวที่ระดับ +5.1 จุดในเดือนก.ค. โดยดัชนีกิจกรรมด้านการผลิตที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 0 บ่งชี้ว่ากิจกรรมด้านการผลิตมีการขยายตัว แต่ดัชนีที่เหลือไหวต่ำกว่า 0 บ่งชี้ว่ากิจกรรมด้านการผลิตหดตัวลง
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐจะ เปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.0 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 200,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.3%
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค.จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ปี 2553
นักวิเคราะห์จากบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานในสหรัฐคาดการณ์ว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐจะส่งผลให้ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยและลังเลที่จะนำยานยนต์ออกไปขับขี่ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ประเมินว่า นับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมานั้น ทุกๆ 1% ที่ตลาดหุ้นร่วงลง จะส่งผลให้ราคาน้ำมันร่วงตามลงไปประมาณ 2.5-3% ซึ่งคาดว่าสถานการณ์เช่นนี้จะดำเนินต่อไปอีกระยะหนึ่ง