"ริโอ ทินโต" เตือนแนวโน้มอุตสาหกรรมเหมืองแร่ออสเตรเลียยังไม่แน่นอน

ข่าวต่างประเทศ Thursday August 26, 2010 14:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทอม อัลบานีส ผู้บริหาร ริโอ ทินโต บริษัทเหมืองแร่รายใหญ่ของโลก กล่าวว่า อุตสาหกรรมเหมืองแร่ออสเตรเลียเผชิญกับความไม่แน่นอนอันเนื่องมาจากวิกฤตการเงินโลก รวมถึงการที่รัฐบาลออสเตรเลียเสนอนโยบายเก็บภาษีเหมืองแร่ และการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ อย่างไรก็ดี เขายังเชื่อว่า อุตสาหกรรมเหมืองแร่ยังมีศักยภาพที่จะขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งในระยะยาว

"การเก็บภาษีเหมืองแร่เป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถบ่งชี้อนาคตของอุตสาหกรรมเหมืองแร่ทั้งในออสเตรเลียและในระดับโลก" อัลบานีส กล่าวในงานเลี้ยงอาหารกลางวันของสถาบัน Australian Institute of Company Directors (AICD) ที่บริสเบน "ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับนโยบายการเก็บภาษีจะส่งผลต่อศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลก"

นอกจากนั้นอัลบานีสยังกล่าวด้วยว่า ออสเตรเลียต้องเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหา โดยรัฐบาลและผู้ถือหุ้นในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาที่สำคัญและมีความซับซ้อนในเรื่องของสภาพแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งหนึ่งในปัญหาดังกล่าวคือการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ

อัลบานีสเชื่อว่าควรมีการใช้กลไกตลาดในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ แต่เตือนว่าออสเตรเลียไม่ควรล้ำหน้าเกินไป มิเช่นนั้นผู้ประกอบอุตสาหกรรมอาจย้ายไปทำธุรกิจที่อื่นได้

เศรษฐกิจออสเตรเลียค่อนข้างเติบโตได้ดี แต่ความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนรวมถึงการที่เศรษฐกิจกลุ่มประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) อาจถดถอยซ้ำ ก็ยังคงส่งผลกระทบต่อตลาด

"อย่างไรก็ตาม การที่จีนยังคงนำเข้าเหล็กจากออสเตรเลียทำให้ราคาเหล็กอยู่เหนือค่าเฉลี่ย" อัลบานีสกล่าว "การที่อุปสงค์จากต่างประเทศยังแข็งแกร่ง แต่หลายตลาดยังขาดเสถียรภาพ บ่งชี้ว่าสภาพการดำเนินธุรกิจจะยังคงไม่แน่นอนต่อไปในอนาคตอันใกล้"

อัลบานีสยังตอบคำถามจากผู้ฟังด้วยว่า การที่ออสเตรเลียตกอยู่ในภาวะ "Hung Parliament" หรือภาวะที่ต้องมีการจัดตั้งรัฐบาลโดยพรรคการเมืองที่มีคะแนนเสียงไม่ถึงครึ่งหนึ่งในรัฐสภา จะไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพการลงทุนในออสเตรเลีย เนื่องจากสหราชอาณาจักรก็เคยประสบกับภาวะดังกล่าวมาแล้ว

แม้ ริโอ ทินโต จะเฝ้าระวังแนวโน้มอุตสาหกรรมในระยะสั้น แต่บริษัทก็เชื่อว่าสภาพการณ์ในปีนี้กำลังดำเนินไปได้ด้วยดี โดยในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีผลประกอบการณ์สูงเกินคาด โดยมีกำไร 5.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ พุ่งขึ้นกว่าสองเท่าจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ