สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดนิวยอร์กปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.) หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า รายได้ส่วนบุคคลเดือนก.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและดีมานด์พลังงานในสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ( New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 47 เซนต์ ปิดที่ 74.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนส.ค.ลดลง 1.91 เซนต์ ปิดที่ 2.0252 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันดิบนซินส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 1.38 เซนต์ ปิดที่ 1.9341 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 5 เซนต์ ปิดที่ 76.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ข้อมูลรายได้ส่วนบุคคลและตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยทำให้นักลงทุนกังวลว่า ชาวอเมริกันอาจลดการใช้จ่ายในการซื้อน้ำมันและก๊าซในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจส่งสัญญาณการชะลอตัว และอัตราว่างงานในสหรัฐที่ยังอยู่ในระดับที่สูงมาก
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค. ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 0.2%
ส่วนอัตราการออมส่วนบุคคลในเดือนก.ค.ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5.9% ในเดือนก.ค. จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 6.2% อย่างไรก็ตาม อัตราการออมเดือนก.ค.ยังสูงกว่าระดับในช่วงก่อนที่สหรัฐจะเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยในเดือนธ.ค.ปี 2550 เกือบ 3 เท่า
ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ปรับลดการประเมินตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ปี 2553 ว่ามีการขยายตัวเพียง 1.6% ซึ่งน้อยกว่าที่ประเมินไว้ครั้งก่อนว่าขยายตัว 2.4% และเป็นสถิติที่ขยายตัวรายไตรมาสที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้ว
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐจะรายงานในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 200,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล