สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดอ่อนตัวลงเมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของธนาคารในยุโรป และรายงานที่ระบุว่ายอดสั่งซื้อในภาคการผลิตของเยอรมนีหดตัวลงในเดือนก.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากนักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลงเพียงเล็กน้อย
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) เดือนต.ค.ลดลง 51 เซนต์ ปิดที่ 74.09 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 72.63 - 74.63 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 1.70 เซนต์ ปิดที่ 2.0743 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 1.34 เซนต์ ปิดที่ 1.9329 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 87 เซนต์ ปิดที่ 77.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพด้านการเงินของธนาคารในยุโรปส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันสัญญาน้ำมันดิบร่วงลง โดยหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ในการทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test) ของธนาคาร 91 แห่งในยุโรปเมื่อวันที่ 23 ก.ค.นั้น มีธนาคารบางแห่งถือครองตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงของรัฐบาลในระดับที่ต่ำเกินไป
ขณะที่สมาคมธนาคารของเยอรมนีรายงานว่า มีธนาคารขนาดใหญ่อย่างน้อย 10 แห่งของเยอรมนีที่ต้องระดมทุนเพิ่มอีกราว 1.05 แสนล้านยูโร เพื่อให้ตรงตามข้อกำหนดของคณะกรรมการกำกับดูแลภาคการธนาคารของสหภาพยุโรป (CEBS)
ตลาดได้รับแรงกดดันหลังจากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีการจ้างงานประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐ ร่วงลงสู่ระดับ 96.7 จุด จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 97.4 จุด บ่งชี้ว่าอัตราการขยายตัวด้านการจ้างานจะยังคงชะลอตัวต่อเนื่องในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า
นอกจากนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนีรายงานว่า ยอดสั่งซื้อในอุตสาหกรรมการผลิตของเยอรมนีหดตัวลง 2.2% ในเดือนก.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% เนื่องจากดีมานด์สินค้าทั้งภายในและต่างประเทศชะลอตัวลง
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐจะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลงเพียง 600,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินอาจลดลง 900,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันคาดว่าจะดลง 0.4 %
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ค.