สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าปริมาณน้ำมันในสต็อกโดยรวมของสหรัฐยังอยู่ในระดับที่สูงมาก แม้สำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของสหรัฐรายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบร่วงลงเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้วก็ตาม
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 42 เซนต์ ปิดที่ 74.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 1.33 เซนต์ ปิดที่ 2.0684 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนต.ค.ลดลง 0.4 เซนต์ ปิดที่ 1.9354 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 70 เซนต์ ปิดที่ 77.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในช่วงที่ตลาดเปิดทำการได้ไม่นานนั้น สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นไปยืนอยู่ที่ระดับ 75.96 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่ร่วงลงเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว แต่ต่อมานักลงทุนเริ่มตระหนักว่าสต็อกน้ำมันโดยรวมของสหรัฐยังอยู่ในระดับที่สูงมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาวะดีมานด์พลังงานที่ยังคงซบเซาในสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร ซึ่งทำให้ความต้องการถือครองสัญญาน้ำมันดิบในรูปสกุลเงินดอลลาร์ลดน้อยลงด้วย
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 3 ก.ย.ลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 359.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 600,000 บาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซล ลดลง 388,000 บาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 175 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 243,000 บาร์เรล สู่ระดับ 225.2 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะร่วงลง 900,000 บาร์เรล
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงไม่มากนักเนื่องจากตลาดได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 4 ก.ย. ร่วงลง 27,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 451,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 2,000 ราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ลดลง 9,250 ราย มาอยู่ที่ระดับ 477,750 ราย ซึ่งบ่งชี้ว่าบริษัทเอกชนในสหรัฐไม่ได้เลย์ออฟพนักงานจำนวนมากตามที่มีการประเมินไว้ในเบื้องต้น แม้ภาวะเศรษฐกิจยังคงซบเซาก็ตาม
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนก.ค.ของสหรัฐ ลดลง 14% มาอยู่ที่ระดับ 4.28 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากยอดนำเข้าสินค้าร่วงลง ในขณะที่ยอดส่งออกพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551 ขณะที่นักวิเคราห์คาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลการค้าที่ปรับตัวลดลงอาจหนุนเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวได้ดีในไตรมาส 3 ปีนี้
กระทรวงพลังงานสหรัฐปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบปี 2553 ลงเหลือ 77.37 ดอลลาร์/บาร์เรล จากเดิมที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 79.13 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยในปีนี้อยู่ที่ 77.86 ดอลลาร์/บาร์เรล