สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) หลังจากมีรายงานว่าบริษัทเอ็นบริดจ์ เอ็นเนอร์จี พาร์ทเนอร์ เตรียมเปิดท่อส่งน้ำมันไปยังเขตมิดเวสต์ของสหรัฐอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ หลังจากการซ่อมแซมรอยรั่วเสร็จสิ้นลง นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนของสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและดีมานด์พลังงานในสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 1.45 ดอลลาร์ หรือ 1.91% มาปิดที่ระดับ 74.57 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 74.11 - 75.99 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนต.ค.ลดลง 3.36 เซนต์ ปิดที่ 2.0990 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนต.ค.ลดลง 3.78 เซนต์ ปิดที่ 1.9247 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 94 เซนต์ ปิดที่ 74.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบหลังจากบริษัทเอ็นบริดจ์ อิงค์ ออกแถลงการณ์ว่า ทางบริษัทพร้อมที่จะลำเลียงน้ำมันจากแคนาดาไปยังเขตมิเวสต์สหรัฐผ่านทางท่อส่ง Line 6A ในวันศุกร์ หลังจากการซ่อมแซมรอยรั่วเสร็จสิ้นลง
อาร์ท เมเยอร์ รองประธานบริษัทเอ็นบริดจ์ กล่าวว่า บริษัทได้ยืนยันต่อหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมสหรัฐแล้วว่า ทางบริษัทได้เสร็จสิ้นการดำเนินขั้นตอนที่จำเป็นสำหรับการเปิดใช้งานท่อส่งน้ำมัน Line 6A แล้ว พร้อมกับยืนยันว่าเจ้าหน้าที่กระทรวงคมนาคมได้รับแจ้งจากทางบริษัทแล้วว่าการเปิดท่อส่งน้ำมัน Line 6A จะมีขึ้นในวันศุกร์ ส่วนท่อส่งน้ำมัน Line 10 ยังคงลำเลียงน้ำมันในอัตรา 70,000 บาร์เรล/วันจากเมืองออนทาริโอของแคนาดาไปยังรัฐนิวยอร์กของสหรัฐจนถึงขณะนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่มีรอยรั่วซึม
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนของสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและดีมานด์พลังงาน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค.พุ่งขึ้น 0.4% ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ เนื่องจากต้นทุนพลังงานปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าสหรัฐอาจเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวช้า
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียระบุว่า ดัชนีกิจการการผลิตในเขตฟิลาเดลอยู่ที่ระดับ -0.7 จุดในเดือนก.ย. ซึ่งแม้ว่าเพิ่มขึ้นจากเดือนส.ค.ที่ระดับ -7.7 จุด แต่ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าภาคการผลิตในฟิลาเดลเฟียยังคงหดตัวลง นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ พุ่งขึ้นเป็น 1.233 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 4 ไตรมาส
ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวการฟื้นตัวของเศรษฐกิจแม้กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 3,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 450,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนก็ตาม
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 10 ก.ย.ร่วงลง 2.49 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 357.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 300,000 บาร์เรล แตะระดับ 174.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 700,000 บาร์เรล แตะระดับ 224.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะลดลงเพียง 400,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 0.6% เหลือเพียง 87.6%