สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ก.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองและดัชนีชี้นำเศรษฐกิจที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยชดเชยแรงกดดันจากข้อมูลคนว่างงานรายสัปดาห์ที่พุ่งขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายในรอบสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่าพายุหลายลูกที่ก่อตัวขึ้นทางตอนใต้ของอ่าวเม็กซิโกมีแนวโน้มที่จะทวีกำลังขึ้นเป็นพายุดีเปรสชั่น
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ ปิดที่ 75.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 0.75 เซนต์ ปิดที่ 2.1145 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 1.60 เซนต์ ปิดที่ 1.9174 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ ปิดที่ 78.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมัน NYMEX ได้แรงหนุนจากรายงานของสมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 7.6% สู่ระดับ 4.13 ล้านยูนิต ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าเดือนก.ค.ที่ระดับ 3.84 ล้านยูนิต นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดที่ระบุว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนส.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนก.ค.ที่ขยับขึ้นเพียง 0.1%
รายงานยอดขายบ้านและดัชนีชี้นำเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งช่วยลดผลกระทบจากตัวเลขคนว่างงานรายสัปดาห์ที่พุ่งขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายได้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 18 ก.ย.เพิ่มขึ้น 12,000 ราย สู่ระดับ 465,000 ราย สวนทางกับที่นักวิเคราะห๋ส่วนใหญ่คาดว่าจะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 450,000 ราย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาคเอกชนในสหรัฐยังคงเลย์ออฟพนักงานอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบหลังจากศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า พายุหลายลูกที่ก่อตัวขึ้นทางตอนใต้ของอ่าวเม็กซิโกมีแนวโน้มที่จะทวีกำลังขึ้นเป็นพายุดีเปรสชั่น ซึ่งรายงานดังกล่าวทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า ฤดูพายุเฮอริเคนปีนี้อาจส่งผลกระทบต่อฐานการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอ่าวเม็กซิโก และอาจทำให้เกิดภาวะซัพพลายตึงตัวในสหรัฐ ซึ่งจะยิ่งหนุนราคาน้ำมันดิบให้สูงขึ้นด้วย
นักอุตุนิยมวิทยาคาดว่า ฤดูพายุเฮอริเคนปีนี้ ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนไปจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน อาจเป็นปีที่มีพายุเฮอริเคนก่อตัวขึ้นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่สำนักงานสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐ (NOAA) คาดว่า ฤดูพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกปีนี้จะมีพายุราว 14-23 ลูกมีแนวโน้มทวีความรุนแรงจนกลายเป็นเฮอริเคน และคาดว่าจะมีพายุเฮอริเคนก่อตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งเป็นปีที่พายุเฮอริเคนแคทรินา และริต้า กระหน่ำชายฝั่งสหรัฐจนส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการผลิตน้ำมัน
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 17 ก.ย.เพิ่มขึ้น 970,000 บาร์เรล สู่ระดับ 358.34 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 347,000 บาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 300,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.59 ล้านบาร์เรล แตะที่ระดับ 226.06 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะลดลง 100,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.2% สู่ระดับ 87.8% สวนทางกับที่คาดว่าจะลดลง 0.6%