ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดพุ่ง $1.68 หลังสต็อกน้ำมันสหรัฐร่วงเกินคาด

ข่าวต่างประเทศ Thursday September 30, 2010 07:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบและสต็อกเบนซินที่ร่วงลงเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนมั่นใจว่าดีมานด์พลังงานในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากรายงานยอดการผลิตรถยนต์ทั่วโลกของบริษัทญี่ปุ่นที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งในเดือนส.ค.

สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.68 ดอลลาร์ หรือ 2.21% ปิดที่ระดับ 77.86 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่ในวันที่ 11 ส.ค.เป็นต้นมา หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 75.60-78.13 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 6.60 เซนต์ ปิดที่ 2.1905 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 4.76 เซนต์ ปิดที่ 1.9765 ดอลลาร์/แกลลอน

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 2.06 ดอลลาร์ ปิดที่ 80.77 ดอลลาร์/บาร์เรล

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบอย่างหนาแน่น จนหนุนสัญญาทะยานขึ้นแตะดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 24 ก.ย.ลดลง 475,000 บาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 357.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 300,000 บาร์เรล

ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินร่วงลง 3.47 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 222.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซลลดลง 1.27 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 173.6 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 2% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับลงเพียง 0.6%

นักวิเคราะห์กล่าวว่า สต็อกน้ำมันดิบที่ร่วงลงเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้วทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องภาวะดีมานด์พลังงานหดตัว นอกจากนี้ รายงานสต็อกน้ำมันดิบของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานยังออกมาสอดคล้องกับที่การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) รายงานไว้ก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐสัปดาห์ที่แล้วร่วงลง 2.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 2.8 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 3.0 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 1.8%

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า บริษัทผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นสามารถผลิตรถยนต์ได้มากขึ้นในเดือนส.ค.ปีนี้ เนื่องจากความต้องการรถยนต์ยังคงแข็งแกร่งแม้มีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกเริ่มชะลอตัวลงก็ตาม โดยโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่สุดของโลก มียอดการผลิตรถยนต์ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 11.4% ต่อปี สู่ระดับ 566,768 คันในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 13

นักลงทุนจับตาดูรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขั้นสุดท้ายประจำไตรมาส 2 ของสหรัฐ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ปรับลดการประเมินอัตรการขยายตัวของจีดีพีลงเหลือ 1.6% จากที่ประเมินไว้ครั้งก่อนว่าขยายตัว 2.4%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ