สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นเหนือระดับ 81 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) หลังจากสหรัฐและจีนเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าดีมานด์พลังงานทั่วโลกจะฟื้นตัวขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.61 ดอลลาร์ หรือ 2.01% ปิดที่ 81.58 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 79.70-81.66 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 2.19 เซนต์ ปิดที่ 2.2897 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 3.69 เซนต์ ปิดที่ 2.0730 ดอลลาร์/แกลลอน
สัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นเหนือระดับ 81 ดอลลาร์ เนื่องจากข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐและจีนช่วยให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่า ภาคการผลิตและเศรษฐกิจที่ขยายตัวขึ้นจะช่วยหนุนดีมานด์พลังงานทั่วโลกให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ย. ขยายตัวที่ระดับ 54.4 จุด จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 56.3 จุด โดยดัชนีที่เคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 50 จุดจะบ่งชี้ว่าภาคการผลิตมีการขยายตัว
ขณะที่สมาพันธ์โลจิสติกและการจัดซื้อแห่งชาติ (CFLP) ของจีนเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนก.ย.อยู่ที่ระดับ 53.8% เพิ่มขึ้น 2.1% จากเดือนส.ค. โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. และนับเป็นเดือนที่ 19 ติดต่อกันที่ดัชนีสามารถเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 50%
ดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 19 บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพแม้รัฐบาลควบคุมการใช้พลังงานและพยายามชะลอการขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็ตาม
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคประจำเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 0.4% มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% ส่วนรายได้ส่วนบุคคลเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 0.5% ทำสถิติเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.3%