สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 82 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและดีมานด์พลังงานในสหรัฐ หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีภาคบริการขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาดในเดือนก.ย. นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.35 ดอลลาร์ หรือ 1.66% ปิดที่ 82.82 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 1.79 เซนต์ ปิดที่ 2.3026 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 3.22 เซนต์ ปิดที่ 2.1255 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.56 ดอลลาร์ ปิดที่ 84.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของสถาบัน ISM ที่ระบุว่า ดัชนีภาคบริการเดือนก.ย.ขยายตัวที่ระดับ 53.2 จุด จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 51.5 จุด ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวที่ระดับ 52.0 จุด โดยการขยายตัวเกินคาดของภาคบริการซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของกิจกรรมเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าจะทำให้ดีมานด์พลังงานดีดตัวขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นแม้ API รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐพุ่งขึ้น 4.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 777,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.1 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 2.0%
นอกเหนือจากดัชนีภาคบริการที่ขยายตัวขึ้นเกินคาดของสหรัฐแล้ว ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0-0.1% พร้อมกับจัดตั้งกองทุนวงเงิน 35 ล้านล้านเยน (4.19 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาล ตราสารเชิงพาณิชย์ และหลักทรัพย์ที่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน รวมทั้งรับหลักทรัพย์เหล่านี้ไว้เป็นหลักประกัน โดยบีโอเจให้คำมั่นสัญญาว่าจะยังคงใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเช่นนี้ไปจนกว่าราคาผู้บริโภคจะมีเสถียรภาพ นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 800,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.5%