ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุด ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้าเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐ
ณ เวลา 20.48 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 40,389.17 จุด บวก 275.67 จุด หรือ 0.69%
นักลงทุนจับตาการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทกว่า 180 แห่งในดัชนี S&P 500 จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทในกลุ่ม Magnificent Seven ได้แก่ แอมะซอน, แอปเปิ้ล, เมตา แพลตฟอร์มส์ และไมโครซอฟท์
ทั้งนี้ บริษัทราว 73% ในดัชนี S&P 500 ที่ได้เปิดเผยผลประกอบการแล้ว มีตัวเลขกำไรสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ไม่ได้บ่งชี้สัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการที่สหรัฐจะบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับจีน แต่ระบุว่าความรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวไม่ได้อยู่ทางสหรัฐ
"ผมเชื่อว่ามันขึ้นอยู่กับจีนในการผ่อนคลายสถานการณ์ เพราะพวกเขาขายสินค้าให้เรามากกว่าที่เราขายให้พวกเขาถึง 5 เท่า ดังนั้นการเรียกเก็บภาษีที่ระดับ 120% และ 145% จึงเป็นเรื่องที่ไม่ยั่งยืน" นายเบสเซนต์กล่าวต่อสำนักข่าว CNBC
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS), ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2568, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนมี.ค. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 129,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 228,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.2%