ดาวโจนส์พลิกร่วงกว่า 100 จุด หลังพุ่งกว่า 200 จุดในช่วงแรก

ข่าวต่างประเทศ Monday April 28, 2025 23:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พลิกร่วงลงกว่า 100 จุด หลังจากพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดในช่วงแรก ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้าเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐ

ณ เวลา 23.32 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 39,990.15 จุด ลบ 123.35 จุด หรือ 0.31%

ข้อมูลจาก CFRA Research ระบุว่า การรับตำแหน่งประธานาธิบดี 100 วันแรกในสมัยที่ 2 ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สร้างความเสียหายต่อตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมากที่สุดนับตั้งแต่การเริ่มต้นการทำงานของประธานาธิบดีสหรัฐในช่วงทศวรรษ 1970

ทั้งนี้ การดิ่งลง 7.9% ของดัชนี S&P 500 นับตั้งแต่ปธน.ทรัมป์สาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 20 ม.ค. จนถึง ณ เวลาปิดตลาดในวันที่ 25 เม.ย. ถือเป็นผลงานที่ย่ำแย่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประธานาธิบดีสหรัฐในช่วง 100 วันแรกเมื่อนับย้อนกลับไปจนถึงการเริ่มต้นการทำงานในสมัยที่ 2 ของอดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน

ดัชนี S&P 500 ทรุดตัวลง 9.9% ในช่วง 100 วันแรกของอดีตประธานาธิบดีนิกสันในปี 1973 ขณะที่มาตรการที่เขาใช้ในการสกัดเงินเฟ้อได้ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอยในปี 1973-1975

นอกจากนี้ CFRA Research ระบุว่า ข้อมูลในปี 1944-2020 บ่งชี้ว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ดัชนี S&P 500 มักปรับตัวขึ้น 2.1% ในช่วงการทำงาน 100 วันแรกของประธานาธิบดีส่วนใหญ่

นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ไม่ได้บ่งชี้สัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการที่สหรัฐจะบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับจีน แต่ระบุว่าความรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวไม่ได้อยู่ทางสหรัฐ

"ผมเชื่อว่ามันขึ้นอยู่กับจีนในการผ่อนคลายสถานการณ์ เพราะพวกเขาขายสินค้าให้เรามากกว่าที่เราขายให้พวกเขาถึง 5 เท่า ดังนั้นการเรียกเก็บภาษีที่ระดับ 120% และ 145% จึงเป็นเรื่องที่ไม่ยั่งยืน" นายเบสเซนต์กล่าวต่อสำนักข่าว CNBC

นักลงทุนจับตาการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทกว่า 180 แห่งในดัชนี S&P 500 จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทในกลุ่ม Magnificent Seven ได้แก่ แอมะซอน, แอปเปิ้ล, เมตา แพลตฟอร์มส์ และไมโครซอฟท์

ทั้งนี้ บริษัทราว 73% ในดัชนี S&P 500 ที่ได้เปิดเผยผลประกอบการแล้ว มีตัวเลขกำไรสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS), ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2568, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนมี.ค. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 129,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 228,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.2%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ