ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันจันทร์ (28 เม.ย.) ติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีความหวังว่า ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน จะผ่อนคลายลง ก่อนการประกาศผลประกอบการและข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 523.19 จุด เพิ่มขึ้น 2.74 จุด หรือ +0.53%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,573.76 จุด เพิ่มขึ้น 37.50 จุด หรือ +0.50%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 22,271.67 จุด เพิ่มขึ้น 29.22 จุด หรือ +0.13% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,417.34 จุด เพิ่มขึ้น 2.09 จุด หรือ +0.02%
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จีนได้ยกเว้นสินค้าบางรายการจากสหรัฐฯ ไม่ต้องเสียภาษีตอบโต้ 125% ซึ่งบ่งชี้ว่าจีนมีความพร้อมที่จะควบคุมความขัดแย้งระหว่างสองเศรษฐกิจใหญ่ของโลก
นักวิเคราะห์กล่าวว่า บรรยากาศการซื้อขายโดยรวมดีขึ้น เพราะมีความหวังว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนจะลดความรุนแรงลง
อีกปัจจัยที่ช่วยหนุนความเชื่อมั่นในตลาดคือการที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ประกาศหยุดยิง 3 วันในเดือนพ.ค. เพื่อรำลึกถึงชัยชนะของสหภาพโซเวียตและพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง
ดัชนีกลุ่มหุ้นเฮลท์แคร์นำตลาดพุ่งขึ้น 1.3% โดยหุ้นโนโว นอร์ดิสค์ (Novo Nordisk) ของเดนมาร์ก พุ่งขึ้น 2.6% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารบวกขึ้น 1%
นักลงทุนจับตาการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อที่สำคัญจากยูโรโซนและสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ รวมถึงรายงานการจ้างงานรายเดือนของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้
นอกจากนี้ นักลงทุนจะรอดูการประกาศผลประกอบการจากธนาคารรายใหญ่ในยุโรปหลายแห่ง เช่น เอชเอสบีซี (HSBC), โซซิเอเต้ เจเนราล (Societe Generale), ดอยซ์แบงก์ (Deutsche Bank) และบาร์เคลย์ส (Barclays)
ขณะเดียวกัน บริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่ม "แม็กนิฟิเซนต์ เซเว่น" (Magnificent Seven) ของสหรัฐฯ อย่างแอปเปิ้ล (Apple), ไมโครซอฟท์ (Microsoft), อะเมซอน (Amazon) และเมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms) ก็เตรียมประกาศผลประกอบการด้วยเช่นกัน