ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันจันทร์ (28 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ขนาดใหญ่ที่นำตลาดปรับตัวขึ้น ขณะที่ความเคลื่อนไหวด้านนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ยังคงเป็นประเด็นที่นักลงทุนให้ความสนใจ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,417.34 จุด เพิ่มขึ้น 2.09 จุด หรือ +0.02%
ดัชนี FTSE 100 ปิดบวกเล็กน้อย แต่ทำสถิติปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 11 และถือเป็นสถิติการปิดบวกติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2562
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์เพิ่มขึ้น 1.1% นำโดยหุ้นแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) และจีเอสเคซึ่งบวก 1.2% และ 1.4% ตามลำดับ
นอกจากนี้ บรรยากาศการลงทุนได้แรงหนุนจากสัญญาณการผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนเมื่อสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสงครามการค้าทั่วโลกยังคงมีอยู่
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจ ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือนเม.ย.ลดลงน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว แต่ผู้ค้าปลีกคาดว่าภาวะการค้าอาจย่ำแย่ลงในเดือนหน้า โดยผลสำรวจสะท้อนความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
ขณะเดียวกัน อังกฤษได้เสนอร่างแถลงการณ์ร่วมกับสหภาพยุโรป (EU) ว่าด้วยการแบ่งปันคุณค่าร่วมกัน เช่น การสนับสนุนอธิปไตยของยูเครน ความตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการค้าเสรี โดยร่างดังกล่าวมีเนื้อหาหลายส่วนที่แตกต่างจากนโยบายปัจจุบันของสหรัฐฯ อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ รัฐมนตรีการค้าของอังกฤษและอินเดียเริ่มเจรจา 2 วันเพื่อเร่งสรุปข้อตกลงการค้า หลังเจรจากันมานานกว่า 3 ปี ท่ามกลางแรงกดดันเพิ่มเติมจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้า