ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 8.68 จุด หรือ 0.06% แตะที่ 15,291.66 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 0.30 จุด หรือ 0.02% แตะที่ 1,652.62 และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 16.50 จุด หรือ 0.47% แตะที่ 3,520.76 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดตลาดทรงตัว แต่หลังจากนั้นก็เคลื่อนตัวอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังไม่มั่นใจว่าเฟดจะตัดสินใจลดขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์ หรือ QE เมื่อใด
รายงานการประชุมของเฟดระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวปานกลางในไตรมาส 2 แต่เฟดมองว่าตลาดแรงงานจำเป็นจะต้องฟื้นตัวขึ้นมากกว่านี้ ก่อนที่เฟดจะตัดสินใจลดขนาดโครงการ QE
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐและจีน โดยสำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยว่า การส่งออกในเดือนมิ.ย.หดตัวลง 3.1% จากปีก่อน หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1% ในเดือนพ.ค. ขณะที่การนำเข้าเดือนมิ.ย.ลดลง 0.7% เทียบรายปี เมื่อเทียบกับที่ขยับลง 0.3% ในเดือนพ.ค.
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนพ.ค.ปรับตัวลดลง 0.5% ซึ่งถือว่าร่วงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2554 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% และรัฐบาลสหรัฐได้ปรับทบทวนสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนเม.ย. เป็นหดตัวลง 0.1% จากเดิมที่รายงานว่ามีการขยายตัว 0.2%
หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลง โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลงกว่า 1.2%
หุ้นฮิวเลตต์ แพคการ์ด ปรับตัวขึ้น 1.8% หลังจากนักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ปปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว ขณะที่หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ พุ่งขึ้น 1% และหุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวขึ้น 1%
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 ก.ค.ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจะลดลงมาอยู่ที่ 340,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 343,000 ราย