ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,470.52 จุด เพิ่มขึ้น 18.67 จุด หรือ +0.12% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 3,610.00 จุด เพิ่มขึ้น 11.50 จุด หรือ +0.32% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,680.91 จุด เพิ่มขึ้น 4.65 จุด หรือ +0.28%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากเบอร์นันเก้แถลงนโยบายการเงินต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐว่า เฟดจะไม่กำหนดตารางเวลาเกี่ยวกับการลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรเอาไว้ล่วงหน้าอย่างแน่นอน และการปรับขนาดโครงการซื้อพันธบัตรซึ่งปัจจุบันอยู่ที่วงเงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนนั้น เฟดจะดำเนินการโดยอิงตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเป็นหลัก
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกา รายงานว่า กำไรในไตรมาส 2 ปีนี้ ทะยานขึ้น 70% แตะระดับ 3.6 พันล้านดอลลาร์ จากระดับ 2.1 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ปีที่แล้ว เพราะได้แรงหนุนจากการปรับลดต้นทุน
ส่วนกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 32 เซนต์ มากกว่าที่นักวิเคราะห์ของ FactSet คาดว่าจะอยู่ที่ 25 เซนต์ นอกจากนี้ ธนาคารยังสามารถปรับลดรายจ่ายลงราว 6% สู่ระดับ 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2
อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด เพราะได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนมิ.ย.ของสหรัฐ ร่วงลง 9.9% มาอยู่ที่ระดับ 836,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว และตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 960,000 ยูนิต ขณะที่ตัวเลขการอนุญาตสร้างบ้านเดือนมิ.ย.ลดลง 7.5% มาอยู่ที่ระดับ 911,000 ยูนิต ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1 ล้านยูนิต
หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา และหุ้นแบงก์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน พุ่งขึ้นกว่า 1.9% ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของแบงก์ ออฟ อเมริกา
หุ้นไอบีเอ็ม ปรับขึ้น 1.7% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการปี 2556 หุ้นยาฮูทะยานขึ้น 10% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า รายได้ในไตรมาส 2 ปีนี้อยู่ที่ 35 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 ก.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจะลดลงมาอยู่ที่ 345,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 360,000 ราย