ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 78.02 จุด รับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ

ข่าวต่างประเทศ Friday July 19, 2013 06:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ก.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และผลประกอบการที่สดใสของบริษัทเอกชน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,548.54 จุด เพิ่มขึ้น 78.02 จุด หรือ +0.50% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 3,611.28 จุด เพิ่มขึ้น 1.28 จุด หรือ +0.04% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดวันทำการล่าสุดที่ 1,689.37 จุด เพิ่มขึ้น 8.46 จุด, +0.50%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงมากเกินคาดจนแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน บ่งชี้ว่านายจ้างยังคงเดินหน้าจ้างพนักงานใหม่อย่างต่อเนื่อง

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกประจำสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 13 ก.ค. ร่วงลง 24,000 ราย สู่ระดับ 334,000 ราย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจะลดลงมาอยู่ที่ 345,000 ราย

สำหรับจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ลดลง 5,250 ราย แตะที่ 346,000 ราย

ด้านคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชน เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสหรัฐทรงตัวที่ระดับ 95.3 ในเดือนมิ.ย. ขณะที่ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของเดือนพ.ค.ถูกปรับทบทวนเป็นเพิ่มขึ้น 0.2% แตะ 95.3 จากเดิมที่รายงานว่าขยับขึ้น 0.1% สู่ระดับ 95.2

นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียระบุว่า ดัชนีกิจกรรมด้านการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติก พุ่งขึ้นแตะระดับ 19.8 ในเดือนก.ค.ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2554 จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 12.5

ตลาดได้รับแรงหนุนในระดับหนึ่งหลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐในช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่าเฟดควรจะเริ่มลดขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์ หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมเดือนก.ย. หรือไม่

หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 4.37% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรสุทธิมูลค่า 8.5 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ปีนี้ เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ปีที่แล้วที่ระดับ 6.9 พันล้านดอลลาร์

หุ้นอินเทล คอร์ป ร่วงลง 3.7% ขณะที่หุ้นอีเบย์ ดิ่งลง 6.7% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีท

ส่วนหุ้นเวริซอน ร่วงลง 1.5% แม้บริษัทเปิดเผยกำไรที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 2 ก็ตาม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ