ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,543.74 จุด ลดลง 4.80 จุด หรือ -0.03% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,692.09 จุด เพิ่มขึ้น 2.72 จุด หรือ +0.16% ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 3,587.61 จุด ลดลง 23.67 จุด หรือ -0.66%
เนื่องจากสหรัฐไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในวันศุกร์ นักลงทุนจึงหันมาให้ความสนใจกับรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชน โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการที่บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง
หุ้นไมโครซอฟท์ร่วงลง 11.40% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้สุทธิ 4.97 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ปีนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่ขาดทุน 492 ล้านดอลลาร์ อย่งไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้
หุ้นกูเกิลร่วงลง 1.55% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้เพิ่มขึ้น 19% ในไตรมาส 2 แตะระดับ 1.411 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ตัวเลขดังกล่าวยังน้อยกว่าการคาดการณ์ของตลาดเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อยเพราะตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากผลประกอบการของบริษัท เจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) โดยจีอีเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 อยู่ที่ 3.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งแม้ว่าลดลง 8% จากไตรมาส 2 ปีที่แล้ว แต่ตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด และช่วยหนุนหุ้นจีอีพุ่งขึ้น 4.61%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ได้ปรับปรับเพิ่มแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจาก “เชิงลบ" มาอยู่ที่ “มีเสถียรภาพ" พร้อมยืนยันอันดับเครดิตของรัฐบาลสหรัฐที่ AAA
มูดีส์ปรับเพิ่มแนวโน้มดังกล่าวหลังจากประเมินว่าแนวโน้มหนี้สินของรัฐบาลกลางสหรัฐมีความคืบหน้าสอดคล้องตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้เมื่อเดือนส.ค.2554 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มูดีส์ให้แนวโน้ม “เชิงลบ" แก่สหรัฐ
ทั้งนี้ ยอดขาดดุลงบประมาณสหรัฐได้ลดลง และคาดว่าจะยังคงปรับตัวลงต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า แม้ว่าขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐได้ชะลอลงในปัจจุบัน แต่ก็ยังมีความคืบหน้ามากกว่าหลายประเทศที่มีอันดับเครดิตที่ AAA และมีความยืดหยุ่นต่อการปรับลดรายจ่ายขนานใหญ่ของรัฐบาล ดังนั้น สัดส่วนหนี้สินต่อจีดีพีของรัฐบาลสหรัฐจนถึงปี 2561 จะมีการลดลงมากกว่าที่มูดีส์ได้ประเมินไว้เมื่อตอนที่ให้แนวโน้มเชิงลบแก่สหรัฐ