ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15612.13 ลบ 46.23 จุด หรือ -0.30% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1707.14 ลบ 2.53 จุด หรือ -0.15% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 3692.95 บวก 3.36 จุด หรือ +0.09%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนเข้าเทขายทำกำไรหลังจากตลาดทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในสัปดาห์ที่แล้ว โดยดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นเหนือแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 1,700 จุดเป็นครั้งแรก ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ และจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมครั้งล่าสุด
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่า ดัชนีภาคบริการเพิ่มขึ้นแตะระดับ 56 ในเดือนก.ค. จากระดับของเดือนมิ.ย.ที่ 52.2 ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 53
รายงานของระบุว่า ยอดคำสั่งซื้อใหม่ในภาคบริการพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ในเดือนก.ค. โดยแตะที่ 57.7 จากระดับ 50.8 ขณะที่ดัชนีส่งออกในภาคบริการขยับขึ้นแตะที่ 49.5 จากระดับ 47.5 และดัชนีการนำเข้าในภาคบริการชะลอตัวลงแตะ 50.5 จากระดับ 53.5 หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านร่วงลง โดยหุ้นพัลท์กรุ๊ป ปิดลบ 2.1% และหุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน ร่วงลง 2% หุ้นควอลคอมม์ ปรับตัวลง 0.8% หลังจากนักวิเคราะห์ของไปเปอร์ แจฟเฟรย์ ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว ขณะที่หุ้นเจซี เพนนี ร่วงลง 3.2% อย่างไรก็ตาม หุ้นวอชิงตัน โพสต์ โค พุ่งขึ้น 3.7% หลังจากนายเจฟฟ์ เบซอส ผู้บริหารของ Amazon.com ได้ตัดสินใจซื้อธุรกิจหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ มูลค่า 250 ล้านดอลลาร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนมิ.ย.ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนมิ.ย.จะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4.35 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับของเดือนพ.ค.ที่ 4.503 หมื่นล้านดอลลาร์