ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,010.74 จุด ลดลง 70.73 จุด หรือ -0.47% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,646.06 จุด ลดลง 9.77 จุด หรือ -0.59% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 3,589.09 จุด ลดลง 13.69 จุด หรือ -0.38%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าเฟดอาจจะลดขนาดการใช้มาตรการ QE หลังจากเจ้าหน้าที่หลายคนของเฟดได้ออกมาส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลสหรัฐ พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี และอาจจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ เนื่องจากผู้ซื้อบ้านจะต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้จำนองในอัตราที่สูงขึ้น
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) จะเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 30-31 ก.ค.ในเช้าวันพฤหัสบดีนี้ ตามเวลาไทย ขณะที่นักลงทุนต่างก็จับตาสัญญาณบ่งชี้ว่าเมื่อใดที่เฟดจะเริ่มชะลอแผนการซื้อพันธบัตรวงเงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินของสหรัฐจะมีการประชุมกันที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในระหว่างวันที่ 22-24 ส.ค.นี้ เพื่อหารือสถานการณ์เศรษฐกิจและนโยบายการเงิน
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหนักสุด หลังจากสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงเนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับพายุที่ก่อตัวขึ้นในอ่าวเม็กซิโก โดยหุ้นอาปาเช ดิ่งลง 4.6% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.1% หุ้นมาราธอน ออยล์ ร่วงลง 4.3% และหุ้นวาเลโร เอนเนอร์จี ปรับตัวลง 2.7%
หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ร่วงลง 2.7% หุ้นเจนเวิร์ธ ไฟแนนเชียล ร่วงลง 4.5% และหุ้นอินเวสโค ปรับตัวลง 1.9%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในคืนนี้ตามเวลาไทย เฟดสาขาชิคาโกจะเปิดเผยดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนก.ค. และในวันพรุ่งนี้ทางการสหรัฐจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค.
ส่วนวันพฤหัสบดี สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนส.ค. และในวันศุกร์ สหรัฐจะเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค.