ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 14,897.55 จุด ร่วงลง 105.44 จุด หรือ -0.70% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,642.80 จุด ลดลง 9.55 จุด หรือ -0.58% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 3,599.79 จุด ลดลง 13.80 จุด หรือ -0.38%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวนหลังจากรายงานการประชุมประจำวันที่ 30-31 ก.ค.ของเฟดซึ่งได้มีการเผยแผร่ในช่วงเช้าวันพฤหัสบดีตามเวลาประเทศไทยระบุว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดยังคงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับกรอบเวลาในการชะลอมาตรการ QE
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่หลายคนในคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ยืนยันว่า แม้ว่าโครงการซื้อสินทรัพย์ หรือ QE สิ้นสุดลงและเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง แต่นโยบายนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษยังคงเป็นสิ่งที่เหมาะสมในช่วงเวลาที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจ
ขณะที่เจ้าหน้าที่บางคนของเอฟโอเอ็มซีได้แสดงความเชื่อมั่นว่า เฟดควรจะเริ่มลดขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์ในระยะเวลาอันใกล้นี้
การแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันของเจ้าหน้าที่เฟดส่งผลให้ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนและทำให้นักลงทุนตีความไปในทิศทางที่แตกต่างกันด้วย
นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการส่งสัญญาณที่ไม่ชัดเจนของเฟดยังได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานของสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) ที่ระบุว่า ยอดขายบ้านมือสองในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.5% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายเดือน แตะระดับ 5.39 ล้านยูนิต ซึ่งถือว่าสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
หุ้นสแทปเพิลส์ ซึ่งเป็นเชนร้านขายอุปกรณ์สำนักงานรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 15% หลังจากความต้องการอุปกรณ์สำนักงานหดตัวลง และทำให้ทางบริษัทต้องปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2556 หลังจากรายได้ในไตรมาส 2 อยู่ในระดับต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ ร่วงลง 3.6% หลังจากบริษัทค้าปลีกรายใหญ่หลายแห่ง รวมถึงทาร์เก็ต วอล์มาร์ท และเมซี รายงานผลประกอบการที่อ่อนแอ เนื่องจากการปรับขึ้นภาษีประกันสังคมส่งผลให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย
นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 ส.ค.ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 330,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 320,000 ราย