ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 46.77 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 15,010.51 จุด ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 6.54 จุด หรือ 0.39% ปิดที่ 1,663.50 จุด ดัชนี NASDAQ บวก 19.08 หรือ 0.52% ปิดที่ 3, 657.79 จุด
ตลอดสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.5% ขณะที่ S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.5% ส่วน Nasdaq เพิ่มขึ้น 1.5%
เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารกลางประเทศเศรษฐกิจสำคัญ กำลังหารือเกี่ยวกับนโยบายการเงินและสถานการณ์เศรษฐกิจในการประชุมซึ่งจัดขึ้นเป็นระยะเวลา 3 วัน ที่เมืองแจ๊คสัน โฮล รัฐไวโอมิง ซึ่งนักลงทุนติดตามการประชุมนี้ เพื่อดูว่าเฟดจะส่งสัญญาณอะไรหรือไม่เกี่ยวกับกำหนดเวลาในการลดขนาดโครงการซื่อพันธบัตร
ในการให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซีเมื่อวันศุกร์ เจ้าหน้าที่ของเฟดหลายคนที่เข้าร่วมการประชุมประจำปีดังกล่าวได้บอกเป็นนัยในเรื่องที่ว่าเฟดอาจตัดสินใจปรับลด QE ในการประชุมเดือนกันยายน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในวันศุกร์นั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ในเดือนก.ค. 2556 ร่วงลง 13.4% แตะระดับ 394,000 หลัง ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน และยังต่ำกว่าระดับที่ได้มีการประเมินไว้ก่อนหน้านี้
เหม่ย หลี่ นักวิเคราะห์เศรษฐกิจที่เอฟทีเอ็น ไฟแนนเชียล กล่าวว่า ข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยล่าสุดสะท้อนว่ายอดขายบ้านใหม่เริ่มขาดแรงกระตุ้น โดยอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้น ทำให้ผู้ที่สนใจจะซื้อบ้านชะลอการตัดสินใจซื้อบ้านออกไปก่อน ซึ่งอาจส่งผลให้การฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัวลง
อย่างไรก็ดี บรรยากาศการซื้อขายในตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นไมโครซอฟท์ อิงค์ โดยหุ้นบริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่พุ่ง 7.3% หลังจากที่นายสตีฟ บอลเมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประกาศว่าจะลาออกจากตำแหน่งภายใน 12 เดือน
ทั้งนี้ นายบอลเมอร์เข้ารับตำแหน่งซีอีโอต่อจากบิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ เมื่อปี 2543 และบริษัทก็ได้พยายามปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งเปลี่ยนจากการใช้คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ หรือเดสก์ท็อป มาใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่กันมากขึ้น
การพุ่งขึ้นของหุ้นไมโครซอฟท์มีส่วนช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ให้ปรับตัวขึ้นเป็นสัดส่วนกว่าหนึ่งในสาม