ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,676.94 จุด เพิ่มขึ้น 147.21 จุด หรือ +0.95% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,725.52 จุด เพิ่มขึ้น 20.76 จุด หรือ +1.22% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,783.64 จุด เพิ่มขึ้น 37.94 จุด หรือ +1.01%
เฟดได้สร้างความประหลาดใจให้กับรตลาดวอลล์สตรีท ด้วยการประกาศว่าจะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์ในวงเงินปัจจุบันที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน เพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ
ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25% พร้อมระบุว่าเฟดตัดสินใจที่จะรอดูหลักฐานที่ชัดเจนมากขึ้นว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างยั่งยืน ก่อนที่เฟดจะปรับเปลี่ยนขนาดโครงการซื้อพันธบัตรซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และยืนยันว่าจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น จนกว่าอัตราว่างงานจะแตะ 6.5% และอัตราเงินเฟ้อไม่เคลื่อนไหวสูงกว่า 2.5%
ตลาดได้รับแรงหนุนมากขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านประจำเดือนส.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.9% จากเดือนก.ค. แตะที่ 891,000 ยูนิต น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัวแตะ 915,000 ยูนิต ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในตลาดอสังหาริมทรัพย์ แม้ที่ผ่านมาจะมีสัญญาณด้านอุปสงค์ที่อ่อนตัวลงก็ตาม
รายงานดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านพุ่งขึ้น โดยหุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน พุ่งขึ้น 6.9% หุ้นเลนนาร์ คอร์ป ทะยานขึ้น 6.5% และหุ้นพัลท์กรุ๊ป พุ่งขึ้น 5.5%
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบทะยานขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นนิวมอนท์ ไมนิ่ง ผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 8.2% และหุ้นแบร์ริค โกลด์ ทะยานขึ้น 9.7%
นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 ก.ย.ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 330,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 292,000 ราย
จากนั้นในเวลา 21.00 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายบ้านมือสองจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5.25 ล้านยูนิต