ดัชนีเฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,451.09 จุด ลดลง 185.46 จุด หรือ -1.19% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,709.91 จุด ลดลง 12.43 จุด หรือ -0.72% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,774.73 จุด ลดลง 14.65 จุด หรือ -0.39%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากนายบุลลาร์ดกล่าวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ในการประชุมครั้งล่าสุดซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวันพุธที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการเฟดไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องการปรับลดขนาด QE และคาดว่าในการประชุมเดือนต.ค.นี้ อาจจะมีการปรับลดขนาด QE ลงเล็กน้อย พร้อมกับกล่าวว่า เฟดสามารถรอเวลาการปรับลดขนาด QE ได้ หลังจากดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อนั้น ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยในเดือนส.ค.
ขณะที่อีสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟดสาขาแคนซัสซิตี้แสดงความเห็นว่า การที่เฟดยังคงเดินหน้าใช้มาตรการ QE ในการประชุมครั้งที่ผ่านมานั้น ถือเป็นการสร้างความสับสนให้กับตลาด
ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เฟดประกาศว่าจะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์ในวงเงินปัจจุบันที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน เพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งตรงข้ามกับที่ตลาดคาดว่าเฟดอาจจะลดขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์ หรือ QE ลงประมาณ 1-1.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน
นายเบน เบอร์นันเก้ ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมที่ว่าการเลื่อนระยะเวลาในการลดขนาด QE จะส่งสัญญาณที่สร้างความสับสนต่อตลาดหรือไม่ โดยนายเบอร์นันเก้ตอบว่า "สิ่งที่เฟดกำลังดำเนินการเป็นสิ่งที่เหมาะสมสำหรับเศรษฐกิจ เฟดไม่สามารถปล่อยให้การคาดการณ์ของตลาดมาครอบงำการดำเนินนโยบายของเรา"
หุ้นไมโครซอฟท์ และหุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก ร่วงลงอย่างน้อย 1.8%
หุ้นแคทเตอร์พิลลาร์ ดิ่งลง 3.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายลดลง ส่วนหุ้นแบล็คเบอร์รี่ ดิ่งลง 17% หลังจากบริษัทประกาศลดพนักงาน 4,500 ตำแหน่ง