ทั้งนี้ หลังจากตลาดเปิดทำการไม่นาน ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลง 34.10 จุด หรือ 0.23% แตะที่ 15,099.04 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 3.49 จุด หรือ 0.21% แตะที่ 1,690.38 จุด อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ขยับขึ้น 1.38 จุด หรือ 0.04% แตะที่ 3,816.40 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการเดือนก.ย.ร่วงลงสู่ระดับ 54.4 จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 58.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 ปี โดยดัชนี ISM ภาคบริการเดือนก.ย.ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 57.4 เนื่องจากยอดสั่งใหม่และตัวเลขการจ้างงานในภาคบริการหดตัวลง
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 ก.ย. เพิ่มขึ้น 1,000 ราย แตะระดับ 308,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 305,000 ราย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้เพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงานของสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่สหรัฐประกาศปิดหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาล
ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่สหรัฐต้องปิดหน่วยงานของรัฐบาลเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี หลังจากสภาคองเกรสยังไม่สามารถประนีประนอมกันได้เกี่ยวกับร่างงบประมาณชั่วคราวได้จนถึงขณะนี้ ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้แสดงความกังวลว่าการปิดหน่วยงานของรัฐบาลจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจที่แท้จริงต่อชาวอเมริกัน
เจพี มอร์แกนเปิดเผยในรายงานฉบับหนึ่งว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางราว 710,000 คนกำลังถูกพักงาน ซึ่งหมายถึงการลดลงของการจ่ายเงินค่าจ้างของรัฐบาลกลางราว 260 ล้านดอลลาร์ต่อวันของการชัตดาวน์ หรือ 1.3 พันล้านดอลลาร์ต่อสัปดาห์
วิกฤตการณ์ที่เป็นผลมาจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลส่งผลให้ทางการสหรัฐไม่สามารถรวบรวมข้อมูลหรือเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payrolls) และอัตราว่างงานเดือนก.ย. ตามกำหนดการเดิมที่จะมีการเปิดเผยในช่วงค่ำวันศุกร์นี้ ตามเวลาไทย
หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยี ซึ่งเป็นผู้จัดหาเครื่องยนต์เฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินเจ็ทให้กับกองทัพสหรัฐ ปรับตัวลง 1.6% หังจากบริษัทระบุว่า หากการปิดหน่วยงานของรัฐบาลยืดเยื้อออกไปก็จะทำให้บริษัทต้องปลดพนักงานถึง 5,000 คนเป็นการชั่วคราว
ขณะที่หุ้น Eli Lilly ในกลุ่มเวชภัณฑ์ ร่วงลง 3.2% หลังจากบริษัทปรับลดยอดขายปี 2557 เนื่องจากเงินเยนอ่อนค่าลงและภาวะเศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ชะลอตัวลง