ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,126.07 จุด พุ่งขึ้น 323.09 จุด หรือ +2.18% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,692.56 จุด เพิ่มขึ้น 36.16 จุด หรือ +2.18% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,760.75 จุด เพิ่มขึ้น 82.97 จุด หรือ +2.26%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งหลังจากหลังจากจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า พรรครีพับลิกันได้วางแผนที่จะเสนอให้มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ชั่วคราว เพื่อเป็นหนทางในการเจรจากับพรรคเดโมแครต
นายโบห์เนอร์กล่าวว่า พรรครีพับลิกันจะผ่านกฎหมายเพื่อขยายเพดานหนี้ชั่วคราว หากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ตกลงที่จะเจรจาเกี่ยวกับการยุติภาวะชัตดาวน์ รวมถึงปัญหาเร่งด่วนอื่นๆของประเทศ พร้อมกับกล่าวว่าเขาจะแต่งตั้งผู้เจรจาประจำสภาผู้แทนฯ เพื่อพยายามแยกแยะข้อแตกต่างระหว่างร่างงบประมาณของสภาผู้แทนฯ กับร่างของวุฒิสภา
ทั้งนี้ ประธาธิบดีโอบามาได้ประชุมร่วมกับแกนนำพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรที่ทำเนียบขาว เพื่อหาทางยุติการเผชิญหน้าทางการเมืองที่ส่งผลให้ต้องมีการปิดหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลกลางเป็นสัปดาห์ที่สองแล้ว
รายงานระบุว่า แกนนำส.ส.รีพับลิกันแสดงท่าทีประนีประนอมที่จะเพิ่มเพดานหนี้ระยะสั้น เพื่อให้สหรัฐรอดพ้นจากผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยวอลล์สตรีท เจอร์นัล รางานว่า นายพอล ไรอัน ส.ส.รีพับลิกัน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณแห่งสภาผู้แทนราษฎร ได้สรุปให้สมาชิกพรรคฟังคร่าวๆเกี่ยวกับแผนการเพิ่มเพดานหนี้ระยะ 4-6 สัปดาห์
ความคืบหน้าเกี่ยวกับการปรับเพดานหนี้ของสหรัฐสามารถสกัดปัจจัยลบจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 ต.ค. เพิ่มขึ้น 66,000 ราย มาอยู่ที่ 374,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. เนื่องจากเกิดปัญหากับระบบคอมพิวเตอร์ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประกอบกับการปิดหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลกลางส่งผลให้ต้องมีการเลิกจ้างพนักงานสัญญาจ้างส่วนหนึ่ง
หุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้น โดยหุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทะยานขึ้น 3.4% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นเจพีมอร์แกน ดีดตัวขึ้น 3.5%
หุ้นไทม วอร์เนอร์ เคเบิล ปรับตัวขึ้น 6.1% ขณะที่หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป พุ่งขึ้น 3.6% ส่วนหุ้นไนกี้ และหุ้นโบอิ้ง ปรับตัวขึ้นกว่า 3.4%
นักลงทุนจับตาดูดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนต.ค.ของสหรัฐ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้เวลา 20.55 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะลดลงอยู่ที่ 76.0 ในช่วงต้นเดือนต.ค. จากระดับ 77.5 ของช่วงท้ายเดือนก.ย.