หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลง 65 จุด หรือ 0.4% แตะที่ 15,237 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 7 จุด หรือ 0.4% แตะที่ 1,703 จุด และดัชนี Nasdaq ขยับลง 6 จุด หรือ 0.2% แตะที่ 3,809 จุด
ดัชนีหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มเชื่อมั่นมากขึ้นว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงเพื่อเพิ่มเพดานหนี้และยุติภาวะชัตดาวน์ โดยบรรดาผู้นำในวุฒิสภาเผยว่าใกล้มีการบรรลุข้อตกลงในวันจันทร์ ซึ่งจะนำไปสู่การเปิดทำการหน่วยงานของรัฐบาลกลางอีกครั้ง และช่วยให้สหรัฐหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้ก่อนกำหนดเส้นตายในวันที่ 17 ต.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกันก็มีความกังวลว่าข้อตกลงของวุฒิสภาอาจไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก โดยมีรายงานว่าแกนนำในสภาผู้แทนฯ เตรียมเสนอร่างกฎหมายงบประมาณของตนเองในวันนี้
นอกจากติดตามสถานการณ์ด้านงบประมาณของสหรัฐแล้ว ตลาดยังจับตารายงานผลประกอบการของหลายบริษัทซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วง 1.1% หลังธนาคารเปิดเผยผลประกอบการที่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน
ซิตี้กรุ๊ปรายงานผลกำไรสุทธิไตรมาส 3/2556 ที่ 3.2 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 468 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้อยู่ที่ 1.79 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบรายปี อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของธนาคารยังคงต่ำกว่าประมาณการของนักวิเคราะห์
หุ้นโคคา-โคล่าลบ 0.2% หลังบริษัทเผยกำไรและรายได้สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด หุ้นจอห์นสันแอนด์จอห์นสันบวก 1.7% หลังผลประกอบการของบริษัทออกมาดีกว่าคาดการณ์ นอกจากนี้บริษัทยังได้ปรับเพิ่มแนวโน้มผลประกอบการตลอดทั้งปีด้วย
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิที่มีการเปิดเผยในวันนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนต.ค.ร่วงลงมาอยู่ที่ 1.52 จากระดับ 6.29 ในเดือนก.ย. ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตในเขตนิวยอร์กมีการขยายตัวในอัตราที่ช้าลงอย่างมากจากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลมาจากการจ้างงานที่ชะลอตัว
ตัวเลขที่สูงกว่าระดับ 0 บ่งชี้ว่ากิจกรรมการผลิตในเขตนิวยอร์ก ซึ่งครอบคลุมถึงตอนเหนือของนิวเจอร์ซีย์และตอนใต้ของคอนเนตทิคัต ยังคงมีการขยายตัว แต่ในอัตราที่ช้าลงอย่างมากจากเดือนที่แล้ว โดยดัชนีเดือนต.ค.เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน และต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 7 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นปัจจัยถ่วงการซื้อขายในช่วงเปิดตลาดวันนี้