ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 28.00 จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 15,399.65 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 11.35 จุด หรือ 0.65% ปิดที่ 1,744.50 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 51.13 จุด หรือ 1.32% ปิดที่ 3,914.28 จุด
ทั้งนี้ S&P 500 พุ่งขึ้น 2.4% ตลอดสัปดาห์ ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. ขณะที่ดัชนี Nasdaq พุ่ง 3.7% ในรอบ 5 วันที่ผ่านมา
สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) เปิดเผยวานนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของจีน ขยายตัว 7.8% ในไตรมาส 3 ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากที่เศรษฐกิจจีนขยายตัว 7.7% ในไตรมาสแรก และ 7.5% ในไตรมาสสอง จากอัตราขยายตัวที่ 7.9% ในช่วงสามเดือนสุดท้ายของปีที่แล้ว
สำหรับอัตราขยายตัวในช่วง 9 เดือนแรกของปี อยู่ที่ 7.7% ซึ่งเป็นไปตามคาดเช่นกัน และสูงกว่าเป้าหมายตลอดทั้งปีของรัฐบาลที่ 7.5%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ความเสียหายทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลเป็นเวลา 16 วัน อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐตัดสินใจใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปนานกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก
ชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เผยว่าขณะนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เนื่องจากข้อมูลต่างๆยังไม่สามารถบ่งชี้ได้อย่างเพียงพอว่า ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่สมควรจะผ่อนคลายนโยบายการเงิน
นายอีแวนส์กล่าวสุนทรพจน์ที่วิสคอนซินว่า เฟดยังไม่ควรเริ่มลดวงเงินซื้อสินทรัพย์จากปัจจุบันที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน เนื่องจากรัฐบาลได้หยุดเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจไปในช่วงชัตดาวน์ ทำให้เฟดไม่มีข้อมูลมาใช้ประกอบการตัดสินใจ
ด้านนารายานา โคเชอร์ลาโคตา ประธานเฟด มินนีอาโปลิส กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายควรคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ต่อไป เพื่อลดการว่างงาน แม้ว่าอาจมีความเสี่ยงที่จะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นสูงกว่าเป้าหมายที่ 2% ของรัฐบาลก็ตาม
ในส่วนของภาคธุรกิจ กูเกิลรายงานยอดขายไตรมาส 3 ที่ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้หุ้นกูเกิลทะยาน 14% ผ่านหลัก 1,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรก ซึ่งการพุ่งขึ้นของหุ้นกูเกิลช่วยให้ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่ง
ด้านเจนเนอรัล อิเลคทริค (จีอี) บวก 3.5% หลังยอดขายสินค้าอุตสาหกรรม นำโดยเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน และเครื่องมือขุดเจาะ ได้ช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทให้ออกมาดีเกินคาด
หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ เพิ่มขึ้น 2.6% จากผลประกอบการที่ดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ เนื่องจากรายได้จากการซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้นมากที่สุดในบรรดาบริษัทในวอลล์สตรีท ขณะที่กำไรจากธุรกิจบริหารความมั่งคั่งก็ปรับตัวขึ้น
สำหรับในสัปดาห์นี้ จะมีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่เลื่อนมาจากกำหนดการก่อนหน้านี้เพราะการชัตดาวน์ โดยในวันที่ 21 ต.ค.จะมีการเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนก.ย. ตามมาด้วยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ย.ในวันที่ 22 ต.ค. จากเดิมที่มีกำหนดเปิดเผยเมื่อวันที่ 4 ต.ค. ส่วนรายงานตัวเลขจ้างงานเดือนต.ค.จะเปิดเผยในวันที่ 8 พ.ย. จากกำหนดการเดิมวันที่ 1 พ.ย.