ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.8% ปิดที่ 318.47 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2551
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,286.03 จุด เพิ่มขึ้น 46.39 จุด หรือ +1.09% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,865.10 จุด เพิ่มขึ้น 53.12 จุด หรือ +0.60% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,622.58 จุด เพิ่มขึ้น 46.42 จุด หรือ +0.71%
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า จีดีพีจีนขยายตัว 7.8% ในไตรมาส 3 ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากที่เศรษฐกิจจีนขยายตัว 7.7% ในไตรมาสแรก และ 7.5% ในไตรมาสสอง จากอัตราขยายตัวที่ 7.9% ในช่วงสามเดือนสุดท้ายของปีที่แล้ว
สำหรับอัตราขยายตัวในช่วง 9 เดือนแรกของปี อยู่ที่ 7.7% ซึ่งเป็นไปตามคาดเช่นกัน และสูงกว่าเป้าหมายตลอดทั้งปีของรัฐบาลที่ 7.5%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ความเสียหายทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลเป็นเวลา 16 วัน อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐตัดสินใจใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปนานกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก
หุ้นพรูเด็นเชียล บริษัทประกันรายใหญ่ที่สุดของอังกฤษ พุ่ง 4.1% แตะระดับสูงสุดในรอบ 25 ปี โดยธุรกิจในเอเชียสร้างผลกำไรจากการดำเนินงานให้บริษัทได้ถึง 32% ในปีที่แล้ว
หุ้นแองโกล อเมริกัน ลดลง 1.4% หลังจากบริษัทเหมืองแร่รายใหญ่เผยว่าการผลิตแร่เหล็กของบริษัทในเครือแห่งหนึ่งลดลง
หุ้นชินด์เลอร์ โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทผลิตลิฟท์รายใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 4.3% หลังจากบริษัทประกาศแผนซื้อคืนหุ้น ขณะที่หุ้นแก๊ป เจมินิ ผู้ให้บริการด้านคอมพิวเตอร์รายใหญ่สุดของฝรั่งเศส ทะยานขึ้น 5.5% หลังจากบริษัทประกาศแผนซื้อคืนหุ้น