ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 111.42 จุด คาดการณ์เฟดเดินหน้า QE

ข่าวต่างประเทศ Wednesday October 30, 2013 06:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ต.ค.) โดยดาวโจนส์ และ S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จากเดินหน้าใช้มาตรการ QE หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,680.35 จุด พุ่งขึ้น 111.42 จุด หรือ +0.72% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,771.95 จุด เพิ่มขึ้น 9.84 จุด หรือ +0.56% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,952.34 จุด เพิ่มขึ้น 12.21 จุด หรือ +0.31%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นเนื่องจากนักลงทุนคาดว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าใช้มาตรการ QE ในการประชุมเดือนนี้ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.ย.ลดลง 0.1% จากเดือนก่อนหน้า ด้านกระทรวงแรงงานรายงานว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลง 0.1% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.

ยอดค้าปลีกที่อ่อนแอกว่าคาดการณ์ และดัชนี PPI ที่ต่ำกว่าคาด ได้เพิ่มน้ำหนักให้กับการคารดารณ์ที่ว่า เฟดจะมีมติคงมาตรการกระตุ้นในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินระยะเวลา 2 วัน ซึ่งจะเริ่มต้นในวันนี้

นอกจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐข้างต้นแล้ว สหรัฐยังมีการเปิดเผยดัชนีราคาบ้าน S&P/Case-Shiller เดือนส.ค. ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค

ด้านคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐลดลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน โดยร่วงลงอย่างหนักสู่ระดับ 71.2 ในเดือนต.ค. จากระดับ 80.2 ในเดือนก.ย. ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ดัชนีเดือนต.ค.จะลดลงแตะ 75.0

หุ้นไฟเซอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่สุดของโลก พุ่งขึ้น 1.66% หลังจากบริษัทรายงานผลกำไรไตรมาส 3 ที่ดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ขณะที่หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 2.49% หลังจากบริษัทคาดการณ์รายได้ไตรมาสปัจจุบันที่ระดับ 5.5 - 5.8 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 5.55 หมื่นล้านดอลลาร์โดยเฉลี่ย ส่วนผลกำไรขั้นต้น บริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ 36.5% - 37.5% เทียบกับการคาดการณ์ที่ 38%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ