ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 20.90 จุด เหตุวิตกเฟดลด QE

ข่าวต่างประเทศ Wednesday November 6, 2013 06:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 พ.ย.) เนื่องจากความไม่แน่นอนที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เมื่อใด อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นสู่แดนบวก เพราะตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากข้อมูลภาคบริการที่ดีเกินคาดของสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,618.22 จุด ลดลง 20.90 จุด หรือ -0.13% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,762.97 จุด ลดลง 4.96 จุด หรือ -0.28% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,939.86 จุด เพิ่มขึ้น 3.27 จุด หรือ +0.08%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันเล็กน้อยจากความไม่แน่นอนที่ว่าเฟดจะเริ่มปรับลด QE เมื่อใด โดยเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งล่าสุดนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่าเฟดไม่ควรรีบตัดสินใจชะลอมาตรการซื้อพันธบัตร เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2% แม้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐมีความคืบหน้าอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับกล่าวว่า การตัดสินใจลดขนาดมาตรการ QE ของเฟดควรอิงกับข้อมูลเศรษฐกิจ และเป็นการตัดสินใจในการประชุมแต่ละครั้ง

ด้านนายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตัน กล่าวว่าเฟดจะต้องดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในเชิงรุกต่อไปสักระยะหนึ่ง จนกว่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับการจ้างงานอย่างเต็มที่ในตลาดแรงงานสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันหลังจากกสถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่าดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.ขยายตัวในจังหวะที่รวดเร็วขึ้น แตะที่ระดับ 55.4 เพราะได้แรงหนุนจากตลาดแรงงาน ถึงแม้ว่าจะเกิดการเผชิญหน้าทางการเมืองในเดือนดังกล่าว จนส่งผลให้หน่วยงานของรัฐบาลบางส่วนต้องปิดดำเนินงานเป็นระยะเวลา 16 วัน

ทั้งนี้ ตลาดการเงินจับตาดูดัชนีภาคบริการอย่างใกล้ชิด เนื่องจากภาคบริการมีสัดส่วนในการจ้างงานในสหรัฐสูงถึง 90% และยังเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของภาวะเศรษฐกิจโดยรวมภายในประเทศด้วย

หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านร่วงลง โดยหุ้นดีอาร์ฮอร์ตัน ดิ่งลง 2.2% หลังจากนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการของดีอาร์ฮอร์ตัน

หุ้น AOL ดีดตัวขึ้น 8.5% หังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายและผลประกอบการที่ดีเกินคาด ขณะที่หุ้นมาร์เวลล์ เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 8.5% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทเคเคอาร์ แอนด์ โค เข้าซื้อหุ้นเกือบ 5% ในมาร์เวล์ เทคโนโลยี ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพคอมพิวเตอร์

นักลงทุนจับตาดูบริษัททวิตเตอร์ที่จะเสนอขายหุ้น IPO ในวันพุธ และจะเริ่มการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักลงทุนให้ความสนใจกับความเคลื่อนไหวดังกล่าว นับตั้งแต่เฟซบุ๊กได้เสนอขายหุ้น IPO ในปีที่แล้ว

นอกจากนี้ นักลงทุนกำลังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจเพื่อประเมินความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากที่เฟดตัดสินใจเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะยังคงเดินหน้าแผนการซื้อพันธบัตร 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดยระบุว่าเฟดต้องการเห็นความชัดเจนมากขึ้นว่าเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวขึ้นอย่างยั่งยืน ก่อนที่จะชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ในวันพฤหัสบดีนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ช่วงไตรมาส 3/2556 ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 2% หลังมีการเติบโต 2.5% ในไตรมาส 2 ส่วนในคืนวันศุกร์ ตามเวลาไทย กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค. หลังจากที่ในเดือนก.ย.มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 125,000 ตำแหน่ง ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ