ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 32.43 จุด หรือ 0.21% ปิดที่ 15,750.67 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 4.20 จุด หรือ 0.24% ปิดที่ 1,767.69 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.13 จุด ปิดที่ 3,919.92 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่าเฟดอาจจะลดขนาด QE รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนต.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 204,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 125,000 ตำแหน่ง
ขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 3/2556 ของสหรัฐ ขยายตัว 2.8% ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัว 2.0% และเป็นการขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2555
ความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวมีมากขึ้นเมื่อนายริชาร์ด ฟิสเชอร์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส กล่าวต่อสำนักข่าว CNBC เมื่อวานนี้ว่า โครงการซื้อสินทรัพย์ของเฟดไม่สามารถนำมาใช้ได้ตลอดไป เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่งแล้ว เฟดก็จำเป็นต้องลดขนาดโครงการนี้
ขณะที่นายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้ากล่าวว่า เฟดอาจจะลดขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์ในในการประชุมเดือนธ.ค.นี้
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง โดยเอ็นอาร์จี เอ็นเนอร์จี ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 3.5% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2557 ส่วนหุ้นคลิฟ์ เนเชอรัล รีซอสเซส ร่วงลง 4% และหุ้นเพียบอดี้ เอ็นเนอร์จี ร่วงลง 2.9%
หุ้นนิวส์ คอร์ป ดิ่งลง 1.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรลดลง ขณะที่หุ้นดีน ฟู้ดส์ ร่วงลง 7.7% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการปี 2556
นักลงทุนจับตาดูนางเจเน็ต เยลเลน รองประธานเฟด ที่จะแถลงของต่อคณะกรรมการด้านการธนาคารของวุฒิสภาในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งแม้จะมีการคาดกันว่าการเสนอชื่อนางเยลเลนให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ต่อจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดคนปัจจุบัน ภายในสื้นเดือนม.ค.ปีหน้านั้น จะได้รับการรับรอง แต่ความคิดเห็นของนางเยลเลนเกี่ยวกับตลาดแรงงานและเศรษฐกิจก็จะเป็นที่จับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากนักลงทุนกำลังรอให้มีสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับแผนการด้านนโยบายในอนาคตของเฟด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูกระทรวงการคลังสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขงบประมาณเดือนต.ค.ในวันนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าสหรัฐจะขาดดุลงบประมาณ 1.04 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค.