ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 54.59 จุด หลัง"เยลเลน"หนุนกระตุ้นศก.

ข่าวต่างประเทศ Friday November 15, 2013 06:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ว่าที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐว่า เฟดจำเป็นต้องดำเนินการมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดระดับใหม่

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,876.22 จุด เพิ่มขึ้น 54.59 จุด หรือ +0.35% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,790.62 จุด เพิ่มขึ้น 8.62 จุด หรือ +0.48% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,972.74 จุด เพิ่มขึ้น 7.16 จุด หรือ +0.18%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวที่ว่า นางเยลเลนแถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐว่า แม้เศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างต่เนื่อง แต่ก็ยังไม่แข็งแกร่งมากพอที่จะสามารถชดเชยผลกระทบที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่เกิดภาวะวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยได้ ซึ่งเฟดจำเป็นต้องดำเนินการมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐได้สกัดแรงบวกในตลาด โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย สหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 พ.ย. ลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 339,000 ราย แต่เป็นการปรับตัวลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 330,000 ราย สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงเปราะบาง

ขณะที่ยอดขาดดุลการค้าเดือนก.ย.ของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น 8% แตะที่ 4.18 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากสหรัฐส่งออกลดลงและนำเข้าเพิ่มขึ้น

หุ้นวอล-มาร์ท ขยับขึ้น 0.23% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรรายไตรมาสเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม รายได้โดยรวมของบริษัทปรับตัวลดลง และทางบริษัทยังได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2556

หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ร่วงลง 10.96% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

นักลงทุนจับตาดูธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนต.ค.ในวันนี้เวลา 21.15 น. ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค. และคาดว่าอัตราการใช้กำลังผลิตจะอยู่ที่ 78.3%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ