ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 14.32 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 15,976.02 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 6.65 จุด หรือ 0.37% ปิดที่ 1,791.53 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 36.90 จุด หรือ 0.93% ปิดที่ 3,949.07 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยในระหว่างวันนั้น นักลงทุนได้เข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากดาวโจนส์และ S&P 500 พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันศุกร์ อันเป็นผลมาจากการที่นางเจเน็ต เยลเลน ว่าที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่า เฟดจำเป็นต้องดำเนินการมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันในช่วงท้าย หลังจากมีรายงานว่านายคาร์ล ไอคาห์น นักลงทุนชื่อดัง ได้แสดงท่าทีระมัดระวังอย่างมากต่อการลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก และเขาคาดว่าตลาดจะร่วงลงอย่างหนัก
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค.ในวันพุธ รวมทั้งดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค.ในวันพฤหัสบดี
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตาดูการแถลงของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดในวันอังคารนี้ และรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟดประจำวันที่ 29-30 ต.ค. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธ ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับเช้าวันพฤหัสบดี ตามเวลาไทย เพื่อประเมินสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินในอนาคตของเฟด
หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 1.7% หลังจากนักวิเคราะห์ของแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว ขณะที่หุ้นไทสัน ฟู้ดส์ พุ่งขึ้น 2.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายและผลประกอบการที่สูงเกินคาด
หุ้นเทสลา มอเตอร์ ดิ่งลง 10% ขณะที่หุ้นโบอิ้งปรับตัวขึ้น 1.7%
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่สหรัฐเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยนั้น สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐ เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านสหรัฐในเดือนพ.ย.ทรงตัวที่ 54 ซึ่งสอดคล้องกับเดือนต.ค. แต่ต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่ 55
ขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า นักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ขายสุทธิสินทรัพย์ระยะสั้นของสหรัฐ เช่น ตั๋วเงินคลัง 1.068 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. จากความกังวลที่ว่าความขัดแย้งด้านงบประมาณของสหรัฐอาจจะส่งผลให้รัฐบาลผิดนัดชำระหนี้บางส่วน