ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,072.80 จุด เพิ่มขึ้น 0.26 จุด หรือ +0.00% ดัชนี Nasdaq ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,017.75 จุด เพิ่มขึ้น 23.18 จุด หรือ +0.58% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,802.75 จุด เพิ่มขึ้น 0.27 จุด หรือ +0.01%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ดัชนีราคาบ้านในเดือนก.ย.ของสรหัฐเพิ่มขึ้น 13.3% จากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบเป็นรายปีนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2549 หรือในรอบ 7 ปีครึ่ง และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 13% บ่งชี้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยยังคงขยายตัว แม้ต้นทุนการกู้ยืมปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม
รายงานระบุว่า ราคาบ้านในทั้ง 20 เมืองปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน นำโดยลาสเวกัสซึ่งราคาบ้านยังคงเพิ่มขึ้นมากที่สุดในอัตรา 29.1% เมื่อเทียบรายปี ตามด้วยซานฟรานซิสโกที่เพิ่มขึ้น 25.7% ส่วนในนิวยอร์กเพิ่มขึ้นน้อยสุดที่ 4.3%
อย่างไรก็ตาม ช่วงบวกในตลาดถูกสกัดลงในระหว่างวัน หลังจากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐลดลงเป็นเดือนที่สามติดต่อกันในเดือนพ.ย. โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงสู่ระดับ 70.4 จากระดับ 72.4 ในเดือนต.ค. ส่วนการคาดการณ์ของผู้บริโภคสำหรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ลดลงมาอยู่ที่ 69.3 ในเดือนนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. หลังจากดิ่งลงแตะ 72.2 ในเดือนต.ค. จากระดับ 84.7 ในเดือนก.ย. โดยตัวเลขเดือนต.ค.ถูกปรับทบทวนขึ้นจากรายงานก่อนหน้านี้ที่ 71.5 ทั้งนี้ ข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคถูกจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากการใช้จ่ายผู้บริโภคคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70% ของเศรษฐกิจสหรัฐ
หุ้นทิฟฟานี แอนด์ โค ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกเครื่องประดับของสหรัฐ พุ่งขึ้น 8.68% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลกำไรสุทธิไตรมาส 3 พุ่งขึ้น 50% แตะที่ 94.6 ล้านดอลลาร์ และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ด้วย
หุ้นเลนนาร์ คอร์ป และหุ้นพัลท์ กรุ๊ป พุ่งขึ้นอย่างน้อย 4.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด ขณะที่หุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 1.8%
หุ้นฮิวเล็ตต์-แพคการ์ด ปรับตัวลง 0.9% แม้ว่าบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาดก็ตาม