ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 105.84 จุด หรือ 0.64% ปิดที่ 16,530.94 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 11.11 จุด หรือ 0.61% ปิดที่ 1,837.88 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 39.50 จุด หรือ 0.96% ปิดที่ 4,153.18 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับฐานขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐรายงานว่า ยอดขาดดุลการค้าสินค้าและบริการของสหรัฐในเดือนพ.ย. ปรับตัวลดลง 12.9% สู่ระดับ 3.425 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 3.933 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากการส่งออกที่ขยายตัวขึ้นทำสถิติสูงสุด
ยอดขาดดุลการค้าเดือนพ.ย.ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2552 หรือในรอบ 4 ปี ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐจะอยู่ที่ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย.
ทั้งนี้ ยอดส่งออกของสหรัฐขยายตัว 0.9% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 1.9486 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยสาเหตุหลักมาจากอุปสงค์เครื่องบินพลเรือนและน้ำมันเชื้อเพลิงที่แข็งแกร่ง ขณะที่ยอดนำเข้าลดลง 1.4% แตะ 2.2911 แสนล้านดอลลาร์ นำโดยยอดสั่งซื้อน้ำมันดิบที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี
เจย์ มอร์ล็อค นักเศรษฐศาสตร์จากเอฟเอ็นที ไฟแนนเชียลกล่าวว่า ยอดขาดดุลเดือนพ.ย.ที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนนั้น บ่งชี้ว่าปัจจัยด้านการค้าอาจจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐให้ขยายตัวได้ดีในไตรมาส 4"
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากนายอิริค โรเซนเกร็จ ประธานเฟดสาขาบอสตันกล่าวว่า หากพิจารณาจากแนวโน้มตลาดแรงงานในระยะยาวแล้ว เขาเชื่อว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายต่อไปอีก และหากจะต้องปรับลดขนาดมาตรการดังกล่าว ก็จะทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปเท่านั้น
หุ้นยูไนเต็ด เฮลธ์ พุ่งขึ้น 3.1% หลังจากดอยช์ แบงก์ แนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นดังกล่าว
หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ร่วงลง 1.15% หลังจากมีรายงานว่าเจพีมอร์แกนตกลงจ่ายเงินชดเชยมูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์ให้แก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากคดีแชร์ลูกโซ่ของนายเบอร์นาร์ด มาร์ดอฟฟ์
นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนธ.ค.ในวันพุธนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวอยู่ที่ 7%
นอกจากนี้ เฟดจะเปิดเผยรายงานประชุมนโยบายประจำเดือนธ.ค.ในวันนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเฟดจะเปิดเผยทิศทางของนโยบายการเงินในปี 2557 หลังจากที่การประชุมครั้งที่แล้ว เฟดมีมติปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ด้วยการปรับลดวงเงินการซื้อพันธบัตรลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน จากเดิมที่ระดับ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน