ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,444.76 จุด ลดลง 17.98 จุด หรือ -0.11% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,838.13 จุด เพิ่มขึ้น 0.64 จุด หรือ +0.03% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,156.19 จุด ลดลง 9.42 จุด หรือ -0.23%
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดตลาดในแดนบวก ขานรับรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 4 ม.ค. ปรับตัวลดลง 15,000 ราย สู่ระดับ 330,000 ราย ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 335,000 ราย ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานติดต่อกันโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ปรับตัวลง 9,750 ราย สู่ระดับ 349,000 ราย
แต่หลังจากนั้นตลาดเริ่มเคลื่อนตัวผันผวนและเคลื่อนเข้าสู่แดนลบ เนื่องจากนักลงทุนมองว่าข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งอาจจะทำให้คณะกรรมการเฟดตัดสินใจยุติการใช้ QE หลังจากที่การประชุมในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา เฟดได้ปรับลดขนาด QE ด้วยการลดวงเงินการซื้อพันธบัตรลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน จากเดิมที่ระดับ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน
นอกจากนี้ ข้อมูลแรงงานครั้งล่าสุดที่สหรัฐได้เปิดเผยเมื่อคืนนี้ ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับที่ ADP ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐเผยภาคเอกชนสหรัฐระบุว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 238,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 ตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในที่ประชุม "Market Forecast 2014" ยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มตลาดหุ้นสหรัฐในปี 2557 โดยกล่าวว่าตลาดจะได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ
หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวผันผวน โดยหุ้น Bed Bath & Beyond ร่วงลง 12% ขณะที่หุ้น Pier 1 Imports Inc ร่วงลง 12%
หุ้นทวิตเตอร์ ร่วงลง 3.8% หุ้น Macy’s ดีดตัวขึ้น 7.6% ส่วนหุ้น J.C. Penney ปรับตัวขึ้น 3.7%
นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนธ.ค.ในวันศุกร์นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวอยู่ที่ 7%
นอกเหนือจากข้อมูลด้านแรงงานแล้ว นักลงทุนยังติดตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชนรายใหญ่ของสหรัฐ รวมถึงอัลโค อิงค์, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์โค, แบงก์ ออฟ อเมริกา และโกลด์แมน แซคส์