หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 57.48 จุด หรือ 0.35% แตะที่ 16,315.42 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 7.93 จุด หรือ 0.44% แตะที่ 1,827.13 จุด และดัชนี Nasdaq บวก 21.96 จุด หรือ 0.53% แตะที่ 4,135.26 จุด
หุ้นเจพีมอร์แกนปรับตัวขึ้น 0.36% ในช่วงเปิดตลาด แม้ธนาคารรายใหญ่สุดของสหรัฐรายงานผลกำไรสุทธิลดลงแตะ 5.3 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4/2556 จากระดับ 5.7 พันล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า ขณะที่รายได้อยู่ที่ 2.41 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลง 1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยค่าใช้จ่ายด้านกฎหมายส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของธนาคารในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว
ขณะเดียวกัน เวลส์ ฟาร์โก แอนด์ คอมพานี ซึ่งเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยรายใหญ่สุดของสหรัฐ รายงานผลกำไรสุทธิในปี 2556 ที่ 2.19 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน ขณะที่ผลกำไรสุทธิไตรมาส 4 อยู่ที่ 5.6 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบรายปี
อย่างไรก็ตาม แม้ผลประกอบสดใส อันเนื่องมาจากการขยายตัวของเงินกู้และเงินฝากที่แข็งแกร่ง คุณภาพสินเชื่อที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และระดับทุนที่แข็งแกร่งขึ้น แต่หุ้นเวลส์ ฟาร์โก กลับร่วงลง 0.77% ในการซื้อขายภาคเช้าวันนี้
ในส่วนของข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานในวันนี้นั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ย.
ด้านกระทรวงแรงงานรายงานว่า ราคานำเข้าของสหรัฐไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนธ.ค. หลังจากที่ลดลงมาสองเดือน ขณะที่ราคาส่งออกเพิ่มขึ้น 0.4%