ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,417.01 จุด ลดลง 64.93 จุด หรือ -0.39% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,845.89 จุด ลดลง 2.49 จุด หรือ -0.13% และ ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,218.69 จุด เพิ่มขึ้น 3.81 จุด หรือ +0.09%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงหลังจากโกลด์แมน แซคส์เปิดเผยว่า รายได้สุทธิในไตรมาส 4 ปี 2556 อยู่ที่ 2.33 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 19% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ที่ระดับ 2.89 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากรายได้จากการปริวรรตเงินตรา การซื้อขายสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ และรายได้ประจำ ปรับตัวลดลง
ขณะที่เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เปิดเผยว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 4/2556 ของธนาคาร ลดลง 7.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า แตะที่ 5.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เจพีมอร์แกนต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนมากเพื่อยุติคดีความจากข้อกล่าวหาที่ว่า ทางธนาคารได้เพิกเฉยต่อการส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่ของนายเบอร์นาร์ด มาดอฟฟ์
ด้านซิตี้กรุ๊ปรายงานว่า รายได้สุทธิไตรมาส 4/2556 อยู่ที่ 2.7 พันล้านดอลลาร์ หรือ 85 เซนต์ต่อหุ้น เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ระดับ 1.2 พันล้านดอลลาร์ หรือ 38 เซนต์ต่อหุ้น แต่ผลประกอบการโดยรวมของธนาคารออกมาน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้
นักลงทุนแทบจะไม่ให้ความสนใจกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 ม.ค. ลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 326,000 ราย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะลดลงสู่ระดับ 328,000 ราย
ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค. ปรับตัวขึ้น 0.3% ซึ่งสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.1% แต่น้อยกว่าเดือนพ.ย.ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2%
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่อ่อนแอของภาคธนาคารได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงด้วย โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 2% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 4.4%
หุ้นเบสท์บาย ร่วงลง 29% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่หดตัวลงในช่วงเทศกาลวันหยุดที่ผ่านมา