ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,197.35 จุด ร่วงลง 175.99 จุด หรือ -1.07% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,828.46 จุด ลดลง 16.40 จุด หรือ -0.89% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,218.87 จุด ลดลง 24.13 จุด หรือ -0.57%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงนับตั้งแต่เปิดทำการเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มทางเศรษฐกิจของจีนและสหรัฐ หลังจากเอชเอสบีซี โฮลดิงส์เผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนม.ค.ลดลงแตะ 49.6 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน จากระดับ 50.5 ในเดือนธ.ค. เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ซบเซา ซึ่งส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการขยายตัวของภาคการผลิตที่อ่อนแรง หลังจากที่เผชิญปัจจัยลบจากการเติบโตด้านการจ้างงานอยู่แล้ว
ขณะที่มาร์กิตรายงานว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.ของสหรัฐ ชะลอตัวลงสู่ระดับ 53.7 จากเดือนธ.ค.ที่ระดับ 55 ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 ม.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1,000 ราย แตะที่ 326,000 ราย
นอกจากนี้ สำนักงานเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FHFA) รายงานว่า ราคาบ้านของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% สะท้อนให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐเริ่มชะลอตัวลง
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง โดยหุ้นอัลโค อิงค์ ปรับลง 1.2% และหุ้นคลิฟท์ เนเชอรัล รีซอสเซส ดิ่งลง 4.3% หลังจากสัญญาโลหะที่ใช้ในอุตสาหกรรมปรับตัวลดลง ภายหลังจากเอชเอสบีซี โฮลดิงส์เปิดเผยว่า ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนม.ค.หดตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
อย่างไรก็ตาม หุ้นอีเบย์ ดีดขึ้น 1.5% ส่วนหุ้นเนทฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 16%