ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,928.56 จุด เพิ่มขึ้น 90.68 จุด หรือ +0.57% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,792.50 เพิ่มขึ้น 10.94 จุด หรือ +0.61% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,097.96 จุด เพิ่มขึ้น 14.35 จุด หรือ +0.35%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากที่ร่วงลงติดต่อกัน 3 วันทำการ อันเนื่องมาจากการร่วงลงอย่างรุนแรงของตลาดหุ้นและสกุลเงินในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่า อาจจะทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนมากขึ้น
นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมเฟดครั้งล่าสุดอย่างใกล้ชิด โดยเฟดจะเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายระยะเวลา 2 วันในวันพุธที่ 29 ม.ค.ตามเวลาไทย ขณะที่มีการคาดการณ์กันว่าที่ประชุมจะลดวงเงินซื้อพันธบัตรรายเดือนลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากที่ได้เริ่มประกาศลดวงเงินแล้ว 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในการประชุมเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีผลตั้งแต่เดือนม.ค.นี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนปรับตัวลง 4.3% ในเดือนธ.ค. ซึ่งผิดไปจากที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.8% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนพ.ย.
ขณะที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ดัชนีราคาบ้านในเดือนพ.ย.2556 ปรับตัวสูงขึ้น 13.7% จากเดือนเดียวกันของปี 2555 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบเป็นรายปีนับตั้งแต่เดือนก.พ.2549 หรือในรอบเกือบ 8 ปี อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย.ลดลง 0.1% จากเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2555
หุ้นไฟเซอร์พุ่งขึ้น 2.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรรายไตรมาส 56 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 52 เซนต์ต่อหุ้น
หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านพุ่งขึ้น ขานรับดัชนีราคาบ้านของสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน ทะยานขึ้น 9.8%
หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ปรับตัวขึ้นหลังบริษัทเผยว่ามีผลกำไรก่อนหักภาษีในอเมริกาเหนือและเอเชียในปีที่แล้ว หุ้นไฟเซอร์พุ่ง 3.5% หลังบริษัทยารายใหญ่ที่สุดของโลกเผยกำไร 56 เซนต์/หุ้น ซึ่งดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หุ้นคอมคาสต์บวก 2.6% หลังแหล่งข่าวเผยว่าบริษัทใกล้บรรลุข้อตกลงซื้อสินทรัพย์จากชาร์เตอร์ คอมมิวนิเคชั่นส์
อย่างไรก็ตาม หุ้นแอปเปิลร่วงลงหลังบริษัทเผยยอดขายไอโฟนต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด