ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,738.79 จุด ลดลง 189.77 จุด หรือ -1.19% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,051.43 จุด ลดลง 46.53 จุด หรือ -1.14% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,774.20 จุด ลดลง 18.30 หรือ -1.02%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของเฟด มีมติปรับลดขนาดมาตรการ QE ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ (29 ม.ค.) ส่งผลให้วงเงินการซื้อพันธบัตรปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน จากระดับ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดยจะเริ่มดำเนินการดังกล่าวในเดือนก.พ.ปีนี้
แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า หากข้อมูลในอนาคตเป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์ด้านตลาดแรงงานและภาวะเงินเฟ้อของคณะกรรมการเอฟโอเอ็มซี เฟดก็อาจจะปรับลดวงเงินการซื้อพันธบัตรลงอีกในอนาคตข้างหน้า
ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในยุโรป จากการที่นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่ แม้ว่าธนาคารกลางตุรกีได้ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อพยุงค่าเงินในประเทศแล้วก็ตาม
หุ้นโบอิ้งร่วงลง 5.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการที่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน ขณะที่หุ้นยาฮูร่วงลง 8.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า การปรับตัวลดลงของราคาโฆษณาออนไลน์ส่งผลให้ผลประกอบการรายไตรมาสของบริษัทลดลงด้วย
ส่วนหุ้นเฟซบุ๊กดีดตัวขึ้น 9.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสเพิ่มขึ้น 63% หุ้นดาว เคมิคอล ปรับตัวขึ้น 3.9% หลังจากบริษัทประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผล 15% และขยายโครงการซื้อคืนหุ้น