หลังจากที่ตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 84.26 จุด หรือ 0.5% ที่ระดับ 15,614.59 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.6% แตะที่ 1,771.99 จุด ณ เวลา 22.07 น. ตามเวลาในประเทศไทย
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวของภาคการผลิตสหรัฐได้หดตัวลงอย่างมากในเดือนม.ค. เนื่องจากยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 33 ปี ส่งผลให้กิจกรรมภาคโรงงานโดยทั่วไปร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน
รายงานของ ISM ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 51.3 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2556 โดยลดลงจากระดับ 56.5 ในเดือนธ.ค.
ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวถือว่าต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 56 เป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ มาร์กิต ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลการเงินเปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวของภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลดลงในเดือนม.ค. หลังจากพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือนในเดือนธ.ค. เนื่องจากอุปสงค์และผลผลิตในต่างประเทศชะลอตัว
รายงานของมาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐลดลงแตะ 53.7 ในเดือนม.ค. หลังจากที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือนที่ 55.0 ในเดือนธ.ค.
หุ้นกลุ่มโทรศัพท์ปรับตัวลงหลังจากหุ้นเอทีแอนด์ที อิงค์ ร่วงลงจากการปรับลดรายได้จากลูกค้าพรีเมี่ยมลง 40 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนอันเนื่องมาจากการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงในตลาดโทรศัพท์มือถือ
หุ้นแบงก์ โคลเธียร์ อิงค์ ลดลง 3.1% หลังผู้บริหารของบริษัทออกมาเปิดเผยว่า จะไม่เจรจาในเรื่องการซื้อกิจการกับบริษัทเมนส์ แวร์เฮ้าส์ อิงค์
หุ้นเฮอร์บอลไลฟ์ เพิ่มขึ้น 1.8% หลังบริษัทผู้ผลิตวิตามีนรายใหญ่ของสหรัฐเร่งดำเนินการซื้อคืนหุ้นจำนวน 50%