ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,445.24 จุด เพิ่มขึ้น 72.44 จุด หรือ +0.47% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,755.20 จุด เพิ่มขึ้น 13.31 จุด หรือ +0.76% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,031.52 จุด เพิ่มขึ้น 34.56 จุด หรือ +0.86%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไร หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 2% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของภาคการผลิตของทั้งสหรัฐและจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนม.ค.ลดลงแตะ 50.5 จากระดับ 51 ในเดือนธ.ค. ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐลงแตะ 53.7 ในเดือนม.ค. จากระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือนที่ 55.0 ในเดือนธ.ค.
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าที่ผลิตในโรงงานสหรัฐปรับตัวลง 1.5% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.หรือในรอบ 5 เดือน เนื่องจากยอดสั่งซื้ออุปกรณ์การขนส่งร่วงหนัก
ก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่ายอดสั่งซื้อเดือนธ.ค.จะลดลง 2% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนพ.ย. โดยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานในเดือนพ.ย.ถูกปรับทบทวนจากรายงานก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าเพิ่มขึ้น 1.8%
หุ้นไมโครซอฟท์ปรับตัวลง 0.38% หลังจากไมโครซอฟท์ คอร์ป ประกาศแต่งตั้ง สัตยา นาเดลลา ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ ซึ่งมีผลในทันที ภายหลังจากที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านซอฟต์แวร์ได้ดำเนินการสรรหาซีอีโอมานาน 5 เดือน
ไมโครซอฟท์แถลงว่า บิล เกตส์ จะก้าวลงจากตำแหน่งประธานกรรมการเพื่อรับบทบาทใหม่ในฐานะที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี โดยเขาจะทุ่มเทเวลาให้กับบริษัทมากขึ้น ในขณะที่ยังคงสานต่องานด้านการกุศลของมูลนิธิบิล แอนด์ เมลินดา เกตส์ต่อไป ส่วนจอห์น ทอมป์สัน จะก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานกรรมการต่อจากบิล เกตส์
หุ้น Yum! Brands ซึ่งเป็นผู้บริหารร้าน KFC ทะยานขึ้น 8.93% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด
ขณะที่หุ้นไฟเซอร์ ในกลุ่มเวชภัณฑ์ พุ่งขึ้น 2.8% จากกาคาดการณ์ที่ว่าทางบริษัทจะประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างองค์กร ส่วนหุ้นเมิร์ก แอนด์ โค ในกลุ่มเคมีภัณฑ์ พุ่งขึ้น 2.8% ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทในสัปดาห์นี้